xs
xsm
sm
md
lg

“ซีพีเอฟ” ร่วมทุน “ไห่หลาย” รุกฟูดรีเทล เปิดศึกบุฟเฟต์-จ่อเซกเมนต์อื่นลุยเพียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360 - “ซีพีเอฟ” ผนึก “ไห่หลายกรุ๊ป” จากไต้หวันตั้งบริษัทร่วมทุนลุยธุรกิจร้านอาหาร ประเดิมเปิดศึกบุฟเฟต์อาหารนานาชาติ เป้า 5 สาขาใน 5 ปี นำร่องที่ไอคอนสยาม ปีนี้หวังโกย 200 ล้านบาทก่อน มองอนาคตต่อยอดนำแบรนด์อื่นในไห่หลายบุกตลาดไทยอีกระลอก



นายหลิว ซื่อ หมิง (Mr.Liu Tzu-Ming) ผู้บริหารระดับสูงของไห่หลายกรุ๊ปจากไต้หวัน เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงทุนกับทางกลุ่มซีพีเอฟของเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ในการตั้งบริษัท ซีพี ไห่หลาย ฮาร์เบอร์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารในไทย โดยเริ่มจากแบรนด์ ฮาร์เบอร์ เป็นอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นตลาดแห่งแรกที่ทางกลุ่มได้มีการร่วมทุนกับทุนท้องถิ่นทำธุรกิจด้วยกัน จากที่ผ่านมาเป็นการลงทุนเองทั้งหมด ทั้งในไต้หวัน 7 สาขา และที่จีนอีก 2 สาขา

เนื่องจากมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีภาวะเศรษฐกิจเติบโตดีในระยะยาว รวมทั้งที่ผ่านมาก็เคยมีการทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มซีพีเอฟในการซื้อวัตถุดิบไปผลิตอาหาร และประธานของทั้งสองกลุ่มก็รู้จักกันด้วย และทางกลุ่มจะใช้ไทยเป็นฐานในการรุกตลาดเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตด้วย

เบื้องต้นได้นำแบรนด์ ฮาร์เบอร์ ที่เป็นบุฟเฟต์นานาชาติ จะเปิดให้ได้ประมาณ 5 สาขาภายใน 5 ปีจากนี้ ลงทุนสาขาละ 130 ล้านบาท พื้นที่ขั้นต่ำประมาณ 2,000 ตารางเมตรซึ่งถือว่าใหญ่มาก โดยสาขาแรกเปิดบริการแล้วที่ไอคอนสยาม ชั้น 6 พื้นที่ 2,000 ตารางมตร ใหญ่รองจากสาขาในไต้หวัน ความจุ 1,000 ที่นั่งต่อวัน หรือคิดเป็น 450 ที่นั่งต่อรอบ ราคาต่อหัว 799 บาทช่วงกลางวัน ซึ่งราคาใกล้เคียงกับที่ไต้หวัน ตั้งเป้าหมายยอดขายสาขาแรกไว้ที่ 200-240 ล้านบาทในปีแรกนี้ ใช้วัตถุดิบในประเทศมากกว่า 90% และมีเครือซีพีเป็นซัปพลายเออร์หลัก ส่วนสาขาต่อไปจะเปิดที่หัวเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น

ทั้งนี้ ฮาร์เบอร์ถือเป็นแบรนด์หลักในธุรกิจอาหารของกลุ่มไห่หลายที่มีมากมาย ทั้งโรงแรม ร้านอาหารที่มีมากกว่า 15 แบรนด์ ธุรกิจรับจัดเลี้ยงแคเทอริ่ง เป็นต้น ซึ่งมีรายได้รวมทั้งกลุ่มมากกว่า 3,800 ล้านเหรียญไต้หวัน ถ้าหากคิดเฉพาะธุรกิจร้านอาหาารจะมีรายได้ประมาณ 3,800 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยมีแบรนด์ฮาร์เบอร์สัดส่วนรายได้สูงสุดกว่า 50% เป็นร้านบุฟเฟต์ระดับห้าดาวที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ยังมีร้านอาหารในเครืออีกกว่า 15 แบรนด์ รวมประมาณ 40 กว่าสาขา

“ในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ที่ว่าทางกลุ่มไห่หลายอาจจะนำแบรนด์อื่นเข้ามาบุกตลาดในไทย ไม่ว่าจะเป็นบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น อาหารเจ ร้านซาลาเปา เป็นต้น โดยมีความร่วมมือกับทางซีพีเอฟ เพราะเครือซีพีก็เป็นบริษัทใหญ่ที่มีศักยภาพ และไทยก็เป็นตลาดที่น่าสนใจด้วย ซึ่งซีพีเอฟผู้นำธุรกิจอาหารในไทยมีความพร้อมในการเติบโตและสนับสนุนุธุรกิจซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย แต่ในช่วงแรกนี้เน้นไปที่แบรนด์ฮาร์เบอร์ก่อน” นายหลิวกล่าว

นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจอาหารและกรรมการผ้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ในเครือซีพี เปิดเผยว่า การขยายธุรกิจร้านอาหารที่ร่วมทุนกับทางไห่หลาย โดยทางซีพีเอฟถือหุ้น 49% ส่วนทางไห่หลายกรุ๊ปไต้หวันถือหุ้น 51% ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์สู่ครัวโลกของซีพีเอฟเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงอาหารคุณภาพ

ขณะที่ภัตตาคารฮาร์เบอร์ก็เป็นภัตตาคารบุฟเฟต์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างมากทั้งในจีน และไต้หวัน เมื่อนำจุดเด่นทั้งหมดของฮาร์เบอร์มารวมกับไลฟ์สไตล์การนิยมบริโภคอาหารนอกบ้านของชาวไทย เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวไทยเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ฮาร์เบอร์สาขาแรกเปิดที่ไอคอนสยาม ส่วนสาขาต่อไปมองที่หัวเมืองใหญ่ เช่น พัทยา ภูเก็ต เป็นต้น โดยทำเลที่จะเปิดฮาร์เบอร์นั้นจะต้องมีผู้คนไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน พื้นที่เปิดร้านต้องไม่ต่ำกว่า 2,000 ตารางเมตร ซึ่งในไต้หวันก็มีทั้งที่เปิดในศูนย์การค้า กับนอกศูนย์การค้า

“ในเครือของไห่หลาย มีร้านอาหารหลากหลายแบรนด์ และก็อาจจะมีการขยายความร่วมมือในแบรนด์อื่นเพิ่มขึ้น เช่น เขามีร้านอาหารเจระดับพรีเมียม เราก็สนใจ” นายสุขวัฒน์กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น