“ส.อ.ท.” พร้อมหารือพาณิชย์ 27 ก.พ.ร่วมดันเป้าส่งออกปีนี้ให้โต 8% ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หลัง ศก.โลกชะลอตัว หลายปัจจัยยังไม่เอื้อโดยเฉพาะบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง หวัง ธปท.ดูแลใกล้ชิด แถมยังต้องรอลุ้นเลือกตั้ง แนะเร่งหาตลาดใหม่ๆ เพื่อขยายส่งออกเพิ่ม
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีวันที่ 27 ก.พ. กระทรวงพาณิชย์เตรียมหารือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันการส่งออกปี 2562 ให้เติบโต 8% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ว่า ส.อ.ท.จะส่งตัวแทนเข้าหารือเพื่อที่จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ผลักดันการส่งออกปี 2562 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งยอมรับว่าเป็นเป้าที่ท้าทายค่อนข้างมากเนื่องจากปี 2561 ปัจจัยต่างๆ ที่เอื้อต่อการส่งออกดีกว่าในปีนี้การส่งออกของไทยยังเติบโตได้เพียงระดับ 6.7% ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะโต 8% ดังนั้น ทั้งรัฐและเอกชนคงจะต้องร่วมมือกันใกล้ชิดในการเปิดตลาดใหม่ๆ และการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทให้เหมาะสมต่อการแข่งขัน
“การส่งออกปลายปีที่ผ่านมาเจอปัญหาสงครามการค้าก็เห็นชัดว่าส่งออกลดลงไป ปีนี้ยอมรับว่าปัจจัยต่างๆ หากเทียบกับปีที่ผ่านมาก็ยังเอื้อน้อยกว่าทั้งเศรษฐกิจโลกเองก็มีทิศทางชะลอตัว สงครามการค้าก็ยังคงอยู่ ขณะเดียวกัน ไทยเองก็มีการเลือกตั้งที่ยังต้องติดตามใกล้ชิด รวมไปถึงค่าเงินบาทที่ยังมีทิศทางแข็งค่าซึ่งมีการคำนวณว่าการแข็งค่าเงินบาททุก 1% จะกระทบต่อการส่งออก 0.14% ซึ่งพบว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงล่าสุดค่าเงินบาทแข็งค่าเกือบ 3% แล้วย่อมกระทบต่อการส่งออกแน่นอน” นายเกรียงไกรกล่าว
อย่างไรก็ตาม บาทแข็งค่าเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด และระยะสั้นทุกฝ่ายเองก็ตั้งรับไว้เฉลี่ย 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากหลุดไปจากนี้คงจะไม่ส่งผลดีนัก แต่ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่นอกเหนือจากเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าแล้วมาจากการที่ไทยเกินดุล โดยเฉพาะที่มาจากการส่งออกเมื่อได้ในรูปของเงินเหรียญฯ จึงมาแลกเงินบาททำให้ความต้องการบาทสูงขึ้นจึงยิ่งกดดนให้บาทแข็งค่าเพิ่มอีก ดังนั้นจึงควรนำเงินไปลงทุนต่อโดยเฉพาะการซื้อเครื่องจักรมาเพิ่มศักยภาพการผลิต
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรหาตลาดการส่งออกใหม่ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกให้มากขึ้น ซึ่งเห็นว่าหลายตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง เช่น ประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยเฉพาะประเทศอินเดียและรอบๆ เช่น บังกลาเทศ แนวโน้มการบริโภคค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับจีนที่มีอีกหลายมณฑลที่สามารถเจาะเพิ่มได้อีก รวมไปถึงประเทศในตะวันออกกลางที่มีประชากรที่มีกำลังซื้อสูง เป็นต้น