บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือวีจีไอ(VGI) ผู้นำ Offline-to-Online ("O2O") Solutions รายแรกและหนึ่งเดียวในประเทศไทย แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) สร้างรายได้รวม 1,469 ล้านบาท ส่งให้กำไรสุทธิสูงถึง 309 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึง 70.8% จากการเติบโตตามกลยุทธ์อย่างแข็งแกร่งของทุกธุรกิจ หนุนให้รายได้บริษัทโตในระดับดีเยี่ยม พร้อมส่งจอดิจิทัลใหม่ไซส์สุดปัง!! พาดยาว 45 เมตร ดึงสายตาผู้ใช้บริการสถานี BTS ดันรายได้ต่อเนื่อง
นายเนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถสร้างแพลตฟอร์มธุรกิจที่ครบวงจร ธุรกิจด้านโฆษณา ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล และธุรกิจลอจิสติกส์ ได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นแนวทางอันสมบูรณ์แบบให้ VGI ในการสร้างโมเดลธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร จากผู้ให้บริการสื่อนอกบ้านขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว สู่การเป็นผู้นำตลาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นรายแรกของเมืองไทย ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มทั้งหมดที่เรามีในมือ และนำมาวางแผนสื่อสารทางการตลาดได้เป็นผลสำเร็จ
ปัจจุบัน VGI สามารถนำข้อมูลจากแพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้มาเป็นเครื่องมือผลักดันให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่ม ถูกที่ ถูกเวลา ช่วยสร้างโอกาสทางการขายให้กับลูกค้า ผ่านรูปแบบการให้บริการจากกลยุทธ์ 'O2O Solutions' ถือเป็นผลสำเร็จจากการดำเนินงานได้อย่างดีเยี่ยม ส่งให้ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 61/62 (ต.ค.-ธ.ค. 61) บริษัทฯ ทำรายได้เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 1,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.2% เมื่อเทียบกับ 978 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากประสบผลสำเร็จในกลยุทย์ผลักดันรายได้ของกลุ่มธุรกิจสื่อนอกบ้าน (OOH) และพัฒนาการที่โดดเด่นของกลุ่ม Rabbit Group รวมถึงการควบรวมงบการเงินกับกลุ่มTrans.Ad Group โดยแต่ละแพลตฟอร์มธุรกิจของบริษัทมีพัฒนาการที่สำคัญ ดังนี้
ธุรกิจสื่อโฆษณา (ADVERTISING) - มุ่งมั่นพัฒนาแนวทางเพื่อสร้างโซลูชันอันชาญฉลาดให้กับสื่อโฆษณาดิจิทัล โดยในไตรมาสนี้สื่อโฆษณานอกบ้านทำรายได้เพิ่มขึ้น 8.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นสัดส่วน 65.9% ของรายได้รวมหรือ 968 ล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้เป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งจากธุรกิจสื่อโฆษณาทุกประเภท
สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน มีรายได้ 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากอัตราการใช้สื่อที่มากขึ้น และได้ทดลองเปิดตัวผลิตภัณฑ์โฆษณาดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่เป็นหน้าจอดิจิทัล 5 จอต่อกันขนาดกว้าง 45 เมตร ที่มาพร้อมความชาญฉลาดของเทคโนโลยีการจดจำภาพ และความสามารถวัดผลการรับชมจากผู้ที่พบเห็นสื่อได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้ VGI สามารถเสนอแคมเปญโฆษณาได้ตรงเป้าหมายสำหรับแบรนด์สินค้า โดยเริ่มทดลองเปิดให้บริการที่สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีเป็นแห่งแรก และมีแผนเปิดตัวอีก 35 จอ ในไตรมาส 2 ปี 62/63 บนสถานีรถไฟฟ้าอีก 3 แห่ง ได้แก่ อโศก, พร้อมพงษ์ และศาลาแดง ซึ่งหลังจากปรับปรุงเสร็จสิ้นบริษัทฯ คาดจะเป็นแรงหนุนสำคัญในการผลักดันการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ อีกช่องทางหนึ่ง
สื่อโฆษณาอาคารสำนักงานและอื่นๆ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 18.0% หรือคิดเป็น 96 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของรายได้ในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่มาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตสื่อที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นราคาสื่อ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 61/62 บริษัทฯ ยังได้รับสัญญาในการบริหารสื่อในอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง ย้ำความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในการให้บริการสื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน ด้วยจำนวนอาคารภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 179 อาคาร
สื่อโฆษณากลางแจ้ง ผ่านการบริหารงานของ MACO สร้างรายได้ 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้ป้ายโฆษณาดิจิทัล 35 จอและสื่อโฆษณาบริเวณตอม่อบีทีเอสและตอม่อสะพานข้ามแยก (Street furniture media) โดยในปีนี้ MACO ยังได้รับการอนุมัติแผนการลงทุนปรับปรุงสื่อโฆษณา Street Furniture บริเวณเสาตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อปรับเปลี่ยนป้ายโฆษณาจากสื่อภาพนิ่งเดิม 188 ป้าย เป็นสื่อดิจิทัลในรูปแบบจอ LED จำนวน 42 จอ และสื่อโฆษณา Light Box จำนวน 180 ป้าย
ธุรกิจบริการชำระเงิน (ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล) เริ่มจาก Rabbit Card ยอดผู้ใช้บริการบัตรเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 10.3 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 15.4% จาก 9 เดือนที่ผ่านมา นับว่าบรรลุเป้าหมายเกือบทั้งปีที่ตั้งเป้าเพิ่มผู้ใช้บัตรไว้ที่ 10.5 ล้านใบในเดือนมีนาคม 2562 สำหรับ Rabbit LinePay มีการเติบโตของฐานผู้ใช้บริการมากกว่า 5.1 ล้านคน หรือ 72.6% จาก 9 เดือนที่ผ่านมา จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 5.3 ล้านคนภายในเดือนมีนาคม 2562 โดยความสำเร็จนี้มาจากการ Synergy ระหว่างบีทีเอส กรุ๊ป ("บีทีเอส") ผู้ให้บริการระบบขนส่งมวลชนทางรถไฟชั้นนำ กับบริษัท แอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ("เอไอเอส") ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอันดับหนึ่งของประเทศไทย บีทีเอสและเอไอเอสมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมผลักดันลูกค้ามากกว่า 40 ล้านคนให้หันมาใช้ Rabbit line Pay (RLP) เป็นโซลูชันการชำระเงินแทนการใช้จ่ายเงินสด และเมื่อเดือนธันวาคม 2561 Rabbit Line Pay ได้ปรับปรุงบริการการชำระเงินเพื่อก้าวสู่สังคมไร้เงินสดด้วยการเปิดให้บริการชำระเงินผ่านการสแกน QR Code สำหรับผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสที่มีมากกว่า 800,000 คน และ Rabbit AEON ธุรกิจให้กู้ยืมเงินขนาดเล็ก (micro-loan) ร่วมกับอิออน โดยในระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมาปัจจุบันมียอดการปล่อยกู้ทั้งสิ้นจำนวน 1,633 ล้านบาท
ธุรกิจลอจิสติกส์ เพื่อนำเสนอบริการด้านการตลาดครบวงจรรูปแบบใหม่ ผ่าน synergy ของสื่อโฆษณาและธุรกิจขนส่งสินค้า ภายหลังการเปิดให้บริการส่งสินค้าทดลอง โดยแนบไปกับกล่องส่งสินค้า ("Smart sampling") เป็นเวลาเกือบ 5 เดือนสามารถส่งมอบตัวอย่างได้มากกว่า 150,000 ชิ้นให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ผ่านเครือข่ายลอจิสติกส์ของ Kerry Express
สำหรับอุตสาหกรรมโฆษณาในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ด้วยปัจจัยจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2562 คาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในเชิงบวก นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ที่มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นถึง 30% ต่อปี จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่มีความนิยมเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ รวมถึงชอปปิ้งออนไลน์ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต มากขึ้น
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของบริษัท ในวันที่ 8 มีนาคม 2562 ให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 342 ล้านบาท ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นที่ปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 (Record Date)