ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดบะหมี่ซองอาการไอ “อืด” โตถดถอยต่อเนื่อง “มาม่า” ปรับทิศมุ่งขยายต่างเทศมากขึ้น ทั้งสร้างฐานผลิตใหม่และหาตลาดใหม่ ล่าสุดทุ่ม 660 ล้านบาทผุดฐานผลิตที่พม่า กับกัมพูชา
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ มาม่า เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทยในช่วงที่ผ่านมาเริ่มอยู่ในภาวะอิ่มตัวต่อเนื่อง การเติบโตเริ่มลดน้อยถอยลง และโอกาสที่จะผลักดันให้ตลาดรวมเติบโตมากเหมือมในอดีตคงยาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงได้ให้ความสำคัญในการขยายตลาดและการลงทุนในต่างประเทศมาก โดยเฉพาะการสร้างฐานการผลิตใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและขยายตลาดเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนฐานการผลิตในไทย ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้เริ่มนำระบบเครื่องจักรผลิตอัตโนมัติเข้ามาทดลองใช้ในโรงงานที่ลำพูน 2 แห่งแล้ว และมีแผนที่จะขยายการใช้เครื่องจักรผลิตอัตโนมัตินี้ไปยังโรงงานที่ระยอง และชลบุรีอีกด้วยหากการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติที่ลำพูนประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณรวม 660 ล้านบาทเพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหม่อีก 2 แห่งในต่างประเทศ คือ ที่พม่า กับกัมพูชา โดยในพม่าจะสร้างโรงงานใหม่ที่เมืองมัณฑะเลย์ เนื้อที่โรงงาน 16 ไร่ งบลงทุน 330 ล้านบาท ซึ่งหากโรงงานใหม่นี้แล้วเสร็จจะเป็นโรงงานที่ 3 ในพม่า จากเดิมที่มีอยู่ 2 โรงงานผลิตและจะมีกำลังผลิตใหม่เพิ่มอีก 1 เท่าตัว จะช่วยส่งผลดีให้มาม่าสามารถขยายตลาดได้มากขึ้นด้วย เพราะตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในพม่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
ปัจจุบันอัตราการบริโภคของคนพม่าต่ำแค่ 11.1 ซองต่อคนต่อปีเท่านั้นเอง ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดในประเทศไทยที่บริโภคเฉลี่ย 49 ซองต่อปีต่อคนแล้ว โดยเป้าหมายหลักของมาม่าในพม่าคือการผลักดันให้แบรนด์มาม่ามียอดขายรวมเป็นผู้นำตลาดให้ได้ภายในปี 2563 ซึ่งปัจจุบันมาม่ามีแชร์ประมาณ 30% ในพม่า เป็นเบอร์สองรองจากแบรนด์ยำยำจากไทยเช่นกัน
ส่วนอีกแห่งที่ลงทุนสร้างโรงงานผลิตใหม่คือที่พนมเปญ กัมพูชา ด้วยงบลงทนประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตก่อสร้าง คาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนจากนี้จะเริ่มก่อสร้างโรงงานได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากที่พม่ากับกัมพูชาแล้ว มาม่ายังมีฐานการผลิตในต่างประเทศอีกหลายแห่ง คือที่ ลาว 1 แห่ง มีกำลังการผลิตมาม่าประมาณ 40,000 หีบต่อเดือน และยังมีการนำเข้าบะหมี่ซองจากไทยไปด้วยประมาณ 40,000 หีบ และแบบถ้วยอีก 140,000 หีบ และยังมีโรงงานที่บังกลาเทศ กับฮังการีด้วย
นายพิพัฒกล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปี 62 มียอดขายรวมเติบโต 3.5% เพิ่มขึ้นจากปี 61 ที่มียอดขาย 12,460 ล้านบาท เติบโต 5.49% แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30%