“ศิริ” รมว.พลังงาน เผย 1 กุมภาพันธ์นี้ปั๊มน้ำมัน ปตท.และบางจาก พร้อมนำร่องจำหน่ายน้ำมันบี 20 ผ่านปั๊ม 10 แห่งย้ำจะมีป้ายระบุรถรุ่นไหนใช้ได้ไว้ประกอบ หวังช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบดันราคาช่วยเกษตรกร แนะเกษตรกรอย่าเซ็นขายให้ราคาต่ำกว่า 3.04 บาทต่อ กก. กรณีนำน้ำมันปาล์มฯ ไปผลิตไฟ
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนชาวสวนปาล์มเมื่อวันที่ 28 ม.ค. ว่าวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงพลังงานเตรียมที่จะเปิดให้มีการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ในสถานีบริการนำร่องของ บมจ.ปตท. และ บมจ.บางจาก จำนวน 10 แห่ง นำร่องในเขต กทม.และปริมณฑล โดยจะเน้นใช้เฉพาะกับรถยนต์ขนาดใหญ่ตามที่ระบุไว้เท่านั้นเพื่อที่จะช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากปัจจุบัน 5 ล้านลิตรต่อเดือน เป็น 15 ล้านลิตรต่อวัน ภายในปีนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้มีผลต่อระดับราคาปาล์มให้เพิ่มขึ้น และยังเป็นมาตรการเร่งด่วนที่จะแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่นของไทยในขณะนี้อีกด้วย
“เราจะนำร่องในส่วนนี้ก่อน โดยราคาขายปลีกของบี 20 จะต่ำกว่าดีเซลปัจจุบันที่เป็นบี 7 จำนวน 5 บาทต่อลิตร จนถึง 28 ก.พ.นี้ จากนั้นจะกลับมาสู่ราคาที่ต่ำกว่าเพียง 3 บาทต่อลิตร ตามนโยบายเดิมที่เราจะไม่ขยายเวลาออกไปอีก เพราะต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุน ส่วนรถขนาดใหญ่ที่จะใช้ได้รุ่นไหนก็จะมีป้ายบอกไว้ชัดเจนตามที่กรมธุรกิจพลังงานได้ประกาศร่างกำหนดลักษณะคุณภาพน้ำมันไบโอดีเซล บี 20 สำหรับรถขนาดใหญ่ ลงในเว็บไซต์กรมธุรกิจพลังงาน www.doeb.go.th ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เร็วๆ นี้” นายศิริกล่าว
ส่วนกรณีโครงการนำน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 1.6 แสนตัน โดย กฟผ.จะรับซื้อ CPO 18 บาทต่อ กก.จากโรงสกัด และเกษตรกรจะได้รับราคาผลปาล์มสดไม่ต่ำกว่า 3.04 บาทต่อ กก.(หักค่าส่วนลดลานเท 20 สต./กก.) คุณภาพผลปาล์มดิบต้องมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 18% แต่ยอมรับว่าในขณะนี้ราคาที่เกษตรกรได้รับเฉลี่ยที่ 2.80-3 บาทต่อ กก.ยังไม่ถึงเป้าหมายนั้น ต้องขอให้เกษตรกรไปร่วมกันพิจารณาเพราะมีการระบุว่ามีการลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศหรือบางส่วนเกษตรกรที่ขายให้ไม่ใช่เกษตรกรตัวจริงหรือไม่
“ใครเสนอให้ท่านในราคาที่ต่ำกว่า 3.04 บาทต่อ กก. อย่าให้ความร่วมมือไปเซ็นสมุดเล่มเขียวให้กับผู้ประกอบการเด็ดขาด ส่วนการนำเข้านั้นในส่วนที่ กฟผ.รับก็เริ่มแล้วก็จะทยอยส่วนที่ไม่ใช่ผลิตที่กระบี่ เพราะโรงไฟฟ้ากระบี่ใช้แค่ 1.3 หมื่นตันต่อเดือน แต่บางปะกงใช้ 3.5-4 หมื่นตันต่อเดือน ก็จะใช้เวลาเพียง 4-5 เดือนก็จะใช้น้ำมันปาล์ม 1.6 แสนตันได้เร็วกว่ามาก เกษตรกรจึงต้องเข้าใจ” นายศิริกล่าว
ส่วนข้อเสนอการใช้บี 100 ในรถยนต์นั้น เกษตรกรสามารถใช้เองได้ แต่จำหน่ายเชิงพาณิชย์ถือว่าผิดกฎหมาย ปัจจุบันมีการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 ล้านตันต่อปี แต่เมื่อรวมสต๊อกแล้วจะมีถึง 2.8 ล้านตันต่อปี เมื่อมีมาตรการต่างๆ มาก็จะช่วยได้ โดยการผลิตดังกล่าวแบ่งเป็นการบริโภคในประเทศ 9 แสนตันต่อปี ที่เหลือเป็นการใช้ผ่านการจำหน่ายบี 7 (ดีเซล) จำนวน 1.3 ล้านตันต่อปี และเป้าหมายบี 20 ที่จะเข้ามาเพิ่มอีก 6 แสนตันต่อปี รวมๆ ก็จะเป็นในส่วนของภาคพลังงานราว 1.6 ล้านตันต่อปี
นายชโยดม สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ กล่าวว่า ราคาที่เกษตรกรได้รับยังไม่คุ้มทุนการผลิต เป็นการชี้ให้เห็นว่าโครงการที่รัฐดำเนินการต่างๆ มาช่วยเหลือยังไม่ได้ผลนัก และยอมรับว่ามีเกษตรกรบางส่วนขายสมุดเขียวเล่มละประมาณ 2,000-3,000 บาทก็เป็นปัญหาเช่นกัน