นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ได้พัฒนาเชื้อเพลิงเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การผลิตน้ำมันไร้สารตะกั่วเป็นรายแรก จนถึงพลังงานทางเลือกซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เช่น ก๊าซธรรมชาติ NGV แก๊สโซฮอล์ ไบโอดีเซล ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดมลภาวะของประเทศมาโดยตลอด และยังคงพัฒนาพลังงานทางเลือกสำหรับอนาคตอย่าง EV อีกด้วย
ที่ผ่านมา น้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล ได้แก่ B7 จัดจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. B10 สำหรับการเดินรถไฟ และ B20 เน้นการใช้ผ่านรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถเมล์ ขสมก. บขส. ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะต่างๆ อีกทั้งน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ซึ่งเป็นน้ำมันเบนซินผสมกับเอทานอล ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต้องการลดมลภาวะในปัจจุบัน เนื่องจากยิ่งใช้เชื้อเพลิงที่มีค่าความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถลดการปล่อยฝุ่นละอองได้มากขึ้น
“จากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น กลุ่ม ปตท.ไม่ได้นิ่งนอนใจและมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยป้องกัน แก้ไขปัญหา ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการที่ ปตท.ได้พัฒนามาโดยตลอด และขณะนี้ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ได้จัดกิจกรรมให้บริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 30 รายการ พร้อมการมอบส่วนลดพิเศษแก่ประชาชนสูงสุด 15% เมื่อเปลี่ยนไส้กรองอากาศ และไส้กรองเครื่องปรับอากาศรถยนต์ที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ยังสามารถรับส่วนลดสูงสุด 50% ฟรีค่าแรงเปลี่ยนถ่าย เมื่อนำรถมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่น พีทีที ลูบริแค้นท์ ในกลุ่มซินเทติก ณ สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ร่วมรายการ ขณะที่การแก้ปัญหาจราจร ปตท.ได้จัดทำกรวยยางจราจรเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎจราจรมาอย่างต่อเนื่อง” นายชาญศิลป์กล่าว
ทั้งนี้ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ เช่น การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพ ควบคู่กับการบำรุงรักษารถและตรวจสอบสมรรถนะเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์อยู่เสมอ พร้อมกับการเคารพกฎจราจร เพราะปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของเราทุกคน