“สหวิริยาสตีล” เตรียมชี้แจงกรมการค้าต่างประเทศถึงผลเสียหายต่อภาคอุตสาหกรรมหากไม่มีการต่ออายุเซฟการ์ดสินค้าแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดม้วนและไม่ม้วนที่เพิ่มขึ้น จับตาจีนแห่ลงทุนตั้งโรงแปรรูปในไทย แต่ระบุไทยเป็นฐานแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อส่งไปสหรัฐฯ หวั่นไทยอาจถูกขึ้นบัญชีดำในอนาคต
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (คปป.) มีมติไม่ต่ออายุการใช้มาตรการปกป้องการนำเข้า (เซฟการ์ด) สินค้าแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดม้วนและไม่ม้วนที่เพิ่มขึ้นนั้น ทางผู้ประกอบการเหล็กแผ่นรีดร้อนฯ และสหวิริยาสตีลฯ จะดำเนินการชี้แจงกรมการค้าต่างประเทศถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมเหล็กในประเทศหากไม่มีการต่อมาตรการเซฟการ์ดดังกล่าว
เชื่อว่าหากรัฐไม่มีการต่อมาตรการเซฟการ์ดนำเข้าสินค้าแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดม้วนและไม่ม้วนที่เพิ่มเติม จะมีผู้นำเข้าเหล็กไทยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนฯ เจือโครเมียมเข้ามาเพื่อเลี่ยงภาษีและยังส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมเหล็กในประเทศด้วย
เดิมผู้ส่งออกเหล็กจีนและผู้นำเข้า ได้มีการเลี่ยงภาษีนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนโดยการเจือสารโบรอน จนผู้ผลิตเหล็กในประเทศได้รับผลกระทบรุนแรงและกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด แต่ผู้ส่งออกจีนก็หาช่องทางการเลี่ยงภาษีโดยการเจือโครเมียมในเหล็กแผ่นรีดร้อนฯ แทน ซึ่งรัฐจึงออกมาตรการเซฟการ์ดเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ
นายวินกล่าวถึงอุตสาหกรรมเหล็กไทยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนว่า ได้รับผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากจีนได้มีการย้ายฐานมาไทย โดยนำสินค้าเหล็กเข้ามาแปรรูปแล้วส่งออกโดยระบุประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดสินค้า ทำให้มีสินค้าเหล็กจากไทยส่งออกไปจำหน่ายยังสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่จะถูกจับตามองจนอาจถูกขึ้นบัญชีดำในอนาคตส่งผลกระทบต่อประเทศได้ จึงอยากให้รัฐพิจารณาหาแนวทางรับมือ