ปลัดพลังงานยันดันแผนพีดีพีฉบับใหม่และต่ออายุโรงไฟฟ้าเอสพีพีให้กพช. ชี้ขาด 24 ม.ค.นี้ พร้อมสั่งสนพ.ทำความเข้าใจส.อ.ท.เกี่ยวกับการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนในแผนพีดีพี ด้านปตท.เผยทิศทาง 5ปีข้างหน้าเน้นพลังงานสะอาดมากขึ้น
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2562 ได้หารือรายละเอียดร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) ฉบับใหม่ ปี2561-2580 ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เพื่อพิจารณา
นอกจาก กบง.ยังได้พิจารณาแนวทางการต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็กประเภทพลังงานความร้อนร่วม หรือเอสพีพี ระบบโคเจนเนอเรชั่น จำนวน 25 ราย กำลังผลิตกว่า 1 พันเมกะวัตต์ เพื่อเตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ กพช.ด้วย ซึ่งรัฐมนตรีพลังงานได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)ไปหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)โดยเร็วเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวแนวทางการรับซื้อพลังงานหมุนเวียนตามแผนพีดีพีฉบับใหม่
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการปรระชุมกบง. เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้ข้อสรุปแนวทางต่ออายุโรงไฟฟ้าเอสพีพี โครเจนฯ แต่เบื้องต้นจะยืนตามหลักการเดิมที่ กพช.เคยมีมติไว้ เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดบ้าง ซึ่งกบง.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) กลับไปจัดทำรายละเอียดอีกครั้งก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของกพช.
ทั้งนี้ มติกพช.เมื่อวันที่ 30 พ.ค.59 เห็นชอบแนวทางสนับสนุนเอสพีพี โคเจนฯ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เอสพีพี โคเจนฯ ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาภายในปี 2560–61 จะต่ออายุสัญญาระยะเวลาสัญญา 3 ปี ปริมาณรับซื้อไม่เกิน 60 เมกะวัตต์และไม่เกินกว่าปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญาเดิม ราคารับซื้อไฟฟ้า (ณ ราคาก๊าซ 263 บาท/ล้านบีทียู) ในอัตรา 2.3753 บาท/หน่วย และกลุ่ม 2 เอสพีพี โคเจนฯที่จะสิ้นสุดสัญญาภายในปี 2562-68 ให้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดยรัฐจะรับซื้อไฟไม่เกิน 30 เมกะวัตต์ มีสัญญา 25ปี และจะต้องไม่เกินกว่าปริมาณขายไฟฟ้าตามสัญญาเดิม ราคารับซื้อไฟฟ้า ในอัตรา 2.8186 บาท/หน่วย
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่รัฐได้หารือกับผู้ประกอบการโรงกลั่นเพื่อเร่งรัดทำแผนปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงจากปัจจุบันยูโร 4 เป็นยูโร 5 ช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละออง ว่า ในกลุ่มปตท.มีแผนลงทุนเพื่อปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันอยู่แล้วตามแผนลงทุน 5ปีนี้ ซึ่งที่ผ่านมา คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยดีกว่าภูมิภาคนี้ ซึ่งไทยมีการใช้น้ำมันยูโร 4 เป็นเวลานับ 10ปี โดยกลุ่มปตท.ตั้งงบลงทุน 5ปีรวม 5 แสนล้านบาท ซึ่งแผนการปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อผลิตน้ำมันยูโร 5 จะใช้เงินลงทุนสูงและใช้เวลานาน ซึ่งไม่สามารถเร่งรัดเดินหน้าโครงการให้เร็วขึ้นได้ คงเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
ส่วนทิศทางปตท.ใน 5ปีข้างหน้า กลุ่มปตท.จะเน้นพลังงานสะอาดมากขึ้นทั้งไบโอ แบตเตอรี่ โซลาร์ โดยเน้นพลังงานไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เป็น Smart Materialsมากขึ้น โดยจะทดลองในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก( EECi ) วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนราว 3-4 รายเข้ามาทำการวิจัยและโครงการนำร่องในEECi ล่าสุดปตท.เตรียมโรดโชว์ดึงนักลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงไตรมาส 1-2 นี้