ร.ฟ.ท.ขาดทุนสะสมทะลุ 1.5 แสนล้าน ส่วนยอดหนี้กว่า 1.04 แสนล้าน ปี 62 อ่วมยังขาดทุนต่อเนื่อง ครม.อนุมัติกู้ 1.2 หมื่นล้านเสริมสภาพคล่อง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 ธ.ค. มีมติเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กู้เงิน จำนวน 12,000 ล้านบาทเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ 2562 ซึ่งดำเนินการตาม พ.ร.บ.การรถไฟฯ พ.ศ. 2594 มาตรา 39 (4) โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดความเหมาะสม พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันในการกู้เงิน
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทำให้ขาดทุนสะสมตั้งแต่ปี 2550-2560 จำนวน 158,606.293 ล้านบาท และต้องกู้เงินมาดำเนินงานทุกปี โดยมีหนี้สินสะสมถึง ณ วันที่ 30 ก.ย. 2561 จำนวน 104,581.036 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อีก 1 ปี ตั้งแต่ 30 มี.ค. 62-29 มี.ค. 63 เพื่อเป็นเงินกู้ระยะสั้น สำรองเสริมสภาพคล่องช่วงที่เงินสดขาดมือ
ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ประสบปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่ายทำให้ขาดทุน เนื่องจากไม่มีการปรับค่าขนส่งให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน ตั้งแต่ปี 2528 ขณะที่รัฐชดเชยการขาดทุนให้จำกัด และยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาทาง รถจักรและล้อเลื่อนจำนวนมาก
โดยในปี 2562 คาดว่าจะมีเงินสดรับ 53,312.632 ล้านบาท (รายได้จากการดำเนินงาน 11,505 ล้านบาท เงินกู้เพื่อชำระหนี้ครบกำหนด 35,814.56 ล้านบาท และเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดหาให้ 5,993.072 ล้านบาท) และเงินสดจ่าย 65,412.632 ล้านบาท โดยมีเงินสดยกมาจากปี 2561 จำนวน 100 ล้านบาท ทำให้ ร.ฟ.ท.ขาดเงินสดใช้จ่ายที่ 12,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ครม.ได้ให้ ร.ฟ.ท.รับฟังความเห็นขอบกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการ ในการต่ออายุสัญญาเงินกู้ระยะสั้น ร.ฟ.ท.ควรพิจารณาคักเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลใหม่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะทำสัญญาต่อไป เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมตามอัตราดอกเบี้ยตลาด
และควรเร่งรัดดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ร.ฟ.ท.ให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม
ควรพิจารณาการกู้เงินในวงเงินและระยะเวลาที่เหมาะสม สร้างวินัยทางการเงินการคลัง และไม่เป็นภาระต่อองค์กรมากเกินความจำเป็น ให้ ร.ฟ.ท.ดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติ ครม. หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และควรจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะ เพื่อให้ได้รับเงินชดเชยบริการอุดหนุนสาธารณะตามระยะเวลาที่กำหนด