กก.ขนส่งทางบกกลาง มีมติ ปรับขึ้นค่าโดยสารรถร่วมฯขสมก. 1 บาท โดยรถร้อน จาก 9 บาทเป็น 10 บาท ส่วนรถแอร์ปรับระยะละ 1 บาท มีผล 21 ม.ค. 62 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการหลังพิจารณาพบต้นทุนเพิ่มทั้งค่าแรงและค่าเชื้อเพลิง ส่วนรถร่วมฯบขส.ได้ขึ้น 10% ตามระยะทาง
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ครั้งที่ 10/2561 ที่นายกฤชเทพ สิมลี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน วันที่ 14 ธ.ค. ได้มีการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร รถประจำทางหมวด1 (รถโดยสารประจำทางที่ให้บริการในเขตกรุงเทพฯต่อเนื่องต่างจังหวัด) รถหมวด4 (รถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพฯ ) รถโดยสารหมวด 2(รถโดยสารประจำอยู่ในเส้นทางที่มีจุดเริ่มต้นกรุงเทพฯไปสิ้นสุดจังหวัดต่างๆ) และรถหมวด3 (รถโดยสารประจำทางที่วิ่งระหว่างจังหวัด)
โดยที่ประชุม กก.ขนส่งทางบกกลาง มีมติอนุมัติปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร รถประจำทางหมวด1 ส่วนของรถธรรมดา (รถร้อน ) 1 บาท หรือเพดานสูงสุดไม่เกิน 10 บาท ซึ่งทำให้รถโดยสารประจำทางร่วมบริการ ขสมก. จะปรับจาก 9 บาทเป็น 10 บาท รถปรับอากาศ จะปรับขึ้นระยะละ 1 บาท เริ่มต้น จาก 13-25 บาท เป็น 14 -26 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2562
ซึ่ง มติดังกล่าวจะครอบคลุม รถโดยสารขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ด้วย ซึ่งอยู่ที่ ขสมก.จะพิจารณา ปรับหรือไม่ปรับ
ส่วนกรณีเป็นรถโดยสารใหม่ปรับอากาศ กำหนดอัตราค่าโดยสาร 4 กม.แรกที่ 15 บาท กม.ที่ 4- 16 อัตรา 20 บาท และกม.ที่ 16 ขึ้นไป เก็บอัตราที่ 25 บาท โดยมีเงื่อนไขจะต้องเป็นรถใหม่อายุไม่เกิน 2 ปี มีการติดตั้งระบบด้านความปลอดภัย ทั้ง CCTV ระบบ GPS มี e-ticket ที่พร้อมจะเชื่อมต่อกับระบบตั๋วร่วม
ทั้งนี้ กรมขนส่งฯได้จ้างทีดีอาร์ไอ ศึกษาโครงสร้างต้นทุนค่าโดยสาร ซึ่งคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ได้นำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งพบว่า ที่ผ่านมา ไม่มีการปรับค่าโดยสาร ให้สอดคล้องกับต้นทุนในปัจจุบัน ซึ่งมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนราคา NGV อยู่ที่ 16.73 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งได้รับการอุดหนุนและช่วยเหลือจาก ปตท.ให้ใช้ในราคา 10.62 บาทต่อกิโลกรัมโดยอุดหนุนที่ 40,000 บาทต่อเดือนต่อคัน ซึ่งไม่เพียงพอ
ทำให้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการรถร่วมฯ ขสมก.ได้แจ้งหยุดเดินรถ 565 คัน จากรถที่มี 3,712 คัน และหยุดเดินรถโดยไม่แจ้งอีกกว่า 1,000 คัน หรือมีรถโดยสาร ออกจากระบบไป 18% ส่งผลให้มีรถวิ่งให้บริการไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ประชาชนต้องรอรถเป็นเวลานานและต้องใช้รถสาธารณะอื่น แทน ซึ่งมีค่าบริการที่สูงกว่า
“การพิจารณาปรับค่าโดยสารดังกล่าว อยู่ภายใต้ความเหมาะสมกับต้นทุนปัจจุบัน และเพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ โดยจะหลังจากนี้จะนำมติที่ประชุมกก.ขนส่งทางบกกลาง หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนวันที่ 21 ม.ค. 62 หากรัฐมีนโยบายที่จะช่วยเหลือเยียวยาทั้งประชาชนหรือเยียวยาผู้ประกอบการ เช่น อุดหนุนค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น รวมถึงพิจารณาให้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับรถเอกชนได้ หรือมาตรการภาษีอื่นๆ เป็นต้น กก.ขนส่งทางบกกลาง จะพิจารณาการปรับค่าโดยสารนี้อีกครั้ง”นายพีระพลกล่าว
*** รถร่วม บขส.ได้ปรับขึ้นเฉลี่ย 10% ตามระยะทาง
สำหรับรถโดยสารหมวด 2(รถโดยสารประจำอยู่ในเส้นทางที่มีจุดเริ่มต้นกรุงเทพฯไปสิ้นสุดจังหวัดต่างๆ) และรถหมวด3 (รถโดยสารประจำทางที่วิ่งระหว่างจังหวัด) นั้นที่ประชุมมีมติปรับค่าโดยสารขึ้น10% โดยกำหนดโครงสร้างเป็น 4 ช่วงตามระยะทาง ได้แก่ 40 กม.แรก จาก 0.49 บาท/กม.เป็น 0.53 บาท/กม. ระยะทาง 40-100 กม. จาก 0.44 บาท/กม.เป็น 0.48 บาท/กม. ระยะทาง100-200 กม. จาก 0.40 บาท/กม.เป็น 0.44 บาท/กม. และระยะทาง 200 กม.ขึ้นไป จาก 0.38 บาท/กม.เป็น 0.39 บาท/กม. มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. 2562
ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณาอย่างรอบคอบตามสภาพการเดินรถและการปรับปรุงบริการ และค่าเชื้อเพลิง (น้ำมันดีเซล) ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราที่ปรับต่ำกว่าผลศึกษาของทีดีอาร์ไอที่เสนอปรับ 30% เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีการกำหนดเที่ยววิ่งลดลงตามความต้องการจริงซึ่งไม่กระทบต่อผู้โดยสาร และมีการปรับเพิ่มเที่ยววิ่งในช่วงเทศกาล ตามเงื่อนไขไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง