ครม.สัญจรเคาะแล้วอนุมัติให้ “ปตท.สผ.” เป็นผู้ชนะประมูลแหล่งก๊าซทั้งเอราวัณ-บงกช หลังดัมพ์ราคาขายก๊าซต่ำสุดแค่เพียง 116 บาทต่อล้านบีทียู ทำให้ไทยมีส่วนลดค่าใช้จ่ายด้านราคาก๊าซฯ ให้กับประเทศได้ถึงปีละ 5.5 หมื่นล้านบาทรวม 10 ปีกว่า 5 แสนล้าน แถมประเคนผลประโยชน์ให้รัฐสูง 68-70%
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) จ.หนองคาย มีมติเห็นชอบให้บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมกับบริษัท เอ็มพี จี 2 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ชนะการประมูลยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แหล่งเอราวัณ) และบริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ชนะประมูลยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข G2/51 (แหล่งบงกช) เนื่องจากผ่านเกณฑ์ข้อเสนอทางเทคนิคตามที่กำหนดและยังเสนอราคาจำหน่ายก๊าซธรรมชาติต่ำกว่ารายอื่น โดยเสนอที่ 116 บาทต่อล้านบีทียู โดยให้กระทรวงพลังงานลงนามสัญญาแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) ภายในเดือน ก.พ. 2562 ระยะเวลาสัมปทาน 20+10 ปี
“ผู้ชนะได้ยื่นข้อเสนอทางเทคนิคผ่านตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ร่วมลงทุนกำหนด โดยได้เสนอค่าคงที่ราคาขายก๊าซธรรมชาติ 116 บาทต่อล้านบีทียู ต่ำกว่าราคาก๊าซในแหล่งเอราวัณปัจจุบันราคา 165 บาทต่อล้านบีทียู และในแหล่งบงกชราคา 214.26 บาทต่อล้านบีทียู เทียบเท่าส่วนลดค่าใช้จ่ายราคาก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ 5.5 แสนล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี หรือปีละ 55,000 ล้านบาท” นายศิริกล่าว
ทั้งนี้ หากนำส่วนลดราคาก๊าซธรรมชาติที่ได้จากทั้ง 2 แปลง มาใช้ลดค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 29 สตางค์ต่อหน่วย อย่างน้อยเป็นระยะเวลา 10 ปี คาดว่าจะช่วยให้ผู้ใช้ก๊าซทุกรายที่แบ่งตามสัดส่วนการใช้ก๊าซประหยัดไฟฟ้าเฉลี่ย 17 สตางค์ต่อหน่วย จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.60 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ ผู้ชนะประมูลข้อเสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐมากกว่า 50% มากกว่าเงื่อนไขที่กำหนดให้ในเอกสารเชิญชวน โดยแหล่งเอราวัณเสนอผลประโยชน์ให้รัฐ 68% ผู้รับสัญญารับกำไร 32% แหล่งบงกชเสนอให้รัฐ 70% ผู้รับสัญญารับกำไร 30% ส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นรวมอีก 1 แสนล้านบาท สร้างประโยชน์ให้ประเทศได้รวม 6.5 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในช่วง 10 ปีแรกจะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้รัฐในรูปค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทยในสัดส่วน 98% และยังช่วยลดการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ได้ประมาณ 22 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.6 แสนล้านบาท ทำให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในประเทศอีก 1.1 ล้านล้านบาท