นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดินได้เข้าร่วมทำงานกับโครงการหลวงมาตั้งแต่ปี 2519 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์ในการอนุรักษ์ดินและน้ำบนพื้นที่สูง รักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร พร้อมกับสานต่อศาสตร์พระราชาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและการพัฒนาที่ดิน โดยปัจจุบันกรมพัฒนาที่ดินมีพื้นที่รับผิดชอบร่วมกับศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทั้งสิ้น 39 ศูนย์ ในพื้นที่ 6 จังหวัด ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา และตาก โดยได้มีการสำรวจออกแบบและก่อสร้างระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ระบบส่งน้ำชลประทานและเส้นทางลำเลียงภูเขา พร้อมกับวิจัย ทดสอบ สาธิตและส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ประกอบกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินเพื่อผลิตอาหารปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งหมอดินดอยอาสา หมอดินน้อยในโรงเรียน จุดเรียนรู้งานพัฒนาที่ดินและสนับสนุนการสร้างเครือข่ายเพื่อการปฏิบัติงานพัฒนาที่ดินอย่างมีส่วนร่วม
นางสาวเบญจพรกล่าวอีกว่า เกษตรกรในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหลายแห่งสามารถพัฒนาต่อยอดความรู้ของตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาหน่วยงานรัฐมากเหมือนเมื่อก่อน และส่วนใหญ่ได้ยกระดับตนเองขึ้นมาเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตรเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับโครงการอื่นๆ หรือเกษตรกรที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ สำหรับการปลูกพืชในศูนย์ฯ จะใช้หลักการตลาดนำการผลิต เพื่อไม่ให้ผลผลิตที่ได้ออกมาเกินความต้องการของตลาด อีกทั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงได้ปรับเปลี่ยนการผลิตมาเป็นระบบเกษตรอินทรีย์เต็มตัว ดังเช่น สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ศูนย์ย่อยบ้านเมืองอาง ที่ได้ผลิตพืชอินทรีย์ภายใต้มาตรฐานการรับรองของไทย และหน่วยงานรับรองมาตรฐานของประเทศสิงคโปร์ มีพื้นที่ที่ผ่านการรับรอง 266 ไร่ ชนิดพืชที่ผลิต 17 ชนิด โดยในปี 2560 สหกรณ์โครงการหลวงอินทนนท์ส่งออกผลผลิตทั้งในและต่างประเทศปริมาณเกือบ 5 แสนกิโลกรัม สร้างรายได้ให้เกษตรกรบ้านเมืองอางมูลค่า 11 ล้านบาท