ปตท.สผ.ปรับวิสัยทัศน์ใหม่เป็น “Energy Partner of Choice” สอดรับเทรนด์โลกที่ต้องไปด้วยกัน เกื้อกูลกัน โดยมีความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืน พร้อมหาธุรกิจใหม่เสริมรายได้โดยตั้งบริษัทย่อย “เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ฯ” นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์มาให้บริการลูกค้า และร่วมมือกับกลุ่มปตท.ต่อยอดธุรกิจในโครงการ Gas to Power
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ปรับวิสัยทัศน์ (VISION) ใหม่จากเดิมบริษัทที่ต้องการเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำในเอเชียที่ขับเคลื่อนด้วยผลการดำเนินงานที่สามารถแข่งขันได้ เทคโนโลยี และหัวใจสีเขียว เปลี่ยนมาเป็น “Energy Partner of Choice” ตามเทรนด์ของโลกที่ต้องไปด้วยกัน เป็นหุ้นส่วนช่วยเกื้อกูลกัน และมีความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาว
โดยวิสัยทัศน์ใหม่นี้จะเกี่ยวโยงกับผู้ที่มีส่วนได้เสียกับบริษัทฯ นับตั้งแต่ผู้ถือหุ้นที่เลือกบริษัทในการลงทุน, เป็นองค์กรที่พัฒนาศักยภาพพนักงานและให้ผลตอบแทนดีทำให้พนักงานอยากเข้ามาร่วมงาน, ชุมชนสังคมมีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น, คู่ค้าก็มีความมั่นใจว่า ปตท.สผ.จะปฏิบัติด้วยความเท่าเทียมเป็นธรรม, คู่แข่ง ก็มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนมาเป็นพันธมิตรร่วมทุนกัน และรัฐบาลในแต่ละประเทศก็อยากให้ ปตท.สผ.เข้าไปลงทุน
ทั้งนี้ ปตท.สผ.เตรียมรุกธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและยั่งยืน นอกเหนือจากธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม (E&P) ที่ยังเป็นธุรกิจหลักอยู่ โดยล่าสุดได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เพื่อนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ที่บริษัทฯ ได้พัฒนาอยู่แล้ว อาทิ โดรน หุ่นยนต์ตรวจสอบท่อหรือแท่นปิโตรเลียมในทะเล เป็นต้น ล่าสุดได้รับงานจากลูกค้าแล้วอย่างน้อย 1 ราย โดยมีแผนที่จะตั้งบริษัทในพื้นที่ EECi ที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จังหวัดระยอง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญหาประดิษฐ์
นอกจากนี้ บริษัทฯ จับมือกับบริษัทในกลุ่ม ปตท.เพื่อหาโอกาสการลงทุนต่อยอดจากการผลิตปิโตรเลียมไปสู่การผลิตไฟฟ้า (Gas to Power) เบื้องต้นได้ยื่นแผนให้รัฐบาลพม่าเพื่อเจาะขอสำรวจเพิ่มในแหล่งซอติก้าฝั่งตะวันตกคาดว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซฯ มากขึ้น ก่อนวางท่อก๊าซฯ เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าแถบย่างกุ้ง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในประเทศพม่า คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า