“ฟิลิปส์”ลุยเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กเต็มสูบ

ผู้จัดการจัดการรายวัน360- 'ฟิลิปส์' เกาะเทรนด์รักสุขภาพ ลุยเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กเต็มกำลัง เดินหมากเจาะพรีเมี่ยม หวังเบียดขึ้นแชมป์แบบขาดลอย โวยอดขายโต2หลักตลอด5ปีที่ผ่านมา

นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มธุรกิจ เพอร์เซอนัล เฮลธ์ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของกลุ่มเพอร์เซอรัล เฮลธ์ หลังจากโฟกัสเรื่องของสุขภาพและนวัตกรรม ส่งผลให้ช่วง5ปีที่ผ่านมา สินค้าในแต่ละกลุ่มมีอัตราการเติบโต2หลักทุกปี ส่งผลให้แผนธุรกิจในปีหน้า(2562)นี้ จะให้ความสำคัญกับนวัตกรรรมของสินค้า ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ และเน้นเจาะกลุ่มไฮพรีเมี่ยม หรือในช่วง6 เดือนแรก จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 20 SKU

ล่าสุดในส่วนของเครื่องปั่น ได้เปิดตัว เครื่องปั่นสูญญากาศ Philips High Speep Vacuum Blender วางจำหน่ายในราคา 11,900 บาท จากทั้งหมดที่จะมีเปิดตัว 8 SKU เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ฟิลิปส์เป็นผู้นำในตลาดเครื่องปั่นรวม ด้วยแชร์ไม่ต่ำกว่า 25% ทิ้งห่างชาร์ปที่สลับกันขึ้นเป็นผู้นำในแต่ละเดือน

"ฟิลิปส์มีผลิตภัณฑ์เครื่องปั่นในทุกระดับราคา ยกเว้นในกลุ่มแมสที่มีราคาต่ำกว่า 500 บาทลงมา การที่รุกสินค้ากลุ่มไฮพรีเมี่ยม จะเป็นส่วนสำคัญทำให้เป็นผู้นำในตลาดรวมเครื่องปั่นได้ ซึ่งในตลาดเครื่องปั่นมีการแข่งขันรุนแรงมาก โดยเฉพาะเรื่องของราคา บวกกับมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาต่อเนื่องทั้งแบรนด์จีนและโลคอลแบรนด์"

อย่างไรก็ตามพบว่า เทรนด์รักสุขภาพและการรับประทานน้ำปั่นสมูทตี้เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อตลาดเครื่องปั่นเติบโตขึ้นทุกปี จากข้อมูลของGFK พบว่าตลาดเครื่องปั่นมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท โต 16% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมี่ยมหรือมีราคาตั้งแต่ 3,000-3,500 บาทขึ้นไปโตถึง 34% แต่ยังมีสัดส่วนที่เล็กอยู่เพียง 8.4% ของมูลค่ารวม ส่วนตลาดใหญ่ คือระดับราคา 1,000-1,500 บาท คิดเป็น45% ของตลาดรวม แต่ในแง่การเติบโตสูงสุด คือ ระดับราคา 1,500-2,000 บาท โตกว่า42% ทั้งนี้ตลอดปี2561 มองว่าตลาดน่าจะโตได้อย่างน้อย 10% โดยเฉพาะในไตรมาสสี่จะโตมากกว่าปกติเพราะเป็นไฮซีซั่น หรือยอดขายกว่า 40% จะมาจากไตรมาสสุดท้ายของปี

นางสาวสิริวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มสินค้าชิ้นเล็ก เป็นกลุ่มที่ใช้งบการตลาดกว่า 40% ของงบตลาดรวมทั้งปี โดยปัจจุบันฟิลิปส์มีเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กในหมวดต่างๆดังนี้ คือ เครื่องปั่น เตารีด เป็น2กลุ่มที่ทำรายได้มากสุดกว่า 70% และอีก 30% มาจาก เครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ หม้อทอดไม่ใช้น้ำมัน หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม เครื่องโกนหนวด แปรงสีฟันไฟฟ้า และขวดนมเอเว้น ที่นำกลับมาทำตลาดเองเมื่อส.คที่ผ่านมา จากที่ให้ดีทแฮล์มทำตลาดและจัดจำหน่ายให้ ซึ่งปีหน้ายังไม่มีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ แต่ละเน้นเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นหลัก

ล่าสุดในส่วนของเครื่องปั่น ได้เปิดตัว เครื่องปั่นสูญญากาศ Philips High Speep Vacuum Blender วางจำหน่ายในราคา 11,900 บาท จากทั้งหมดที่จะมีเปิดตัว 8 SKU เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ฟิลิปส์เป็นผู้นำในตลาดเครื่องปั่นรวม ด้วยแชร์ไม่ต่ำกว่า 25% ทิ้งห่างชาร์ปที่สลับกันขึ้นเป็นผู้นำในแต่ละเดือน

"ฟิลิปส์มีผลิตภัณฑ์เครื่องปั่นในทุกระดับราคา ยกเว้นในกลุ่มแมสที่มีราคาต่ำกว่า 500 บาทลงมา การที่รุกสินค้ากลุ่มไฮพรีเมี่ยม จะเป็นส่วนสำคัญทำให้เป็นผู้นำในตลาดรวมเครื่องปั่นได้ ซึ่งในตลาดเครื่องปั่นมีการแข่งขันรุนแรงมาก โดยเฉพาะเรื่องของราคา บวกกับมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาต่อเนื่องทั้งแบรนด์จีนและโลคอลแบรนด์"

อย่างไรก็ตามพบว่า เทรนด์รักสุขภาพและการรับประทานน้ำปั่นสมูทตี้เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อตลาดเครื่องปั่นเติบโตขึ้นทุกปี จากข้อมูลของGFK พบว่าตลาดเครื่องปั่นมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท โต 16% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมี่ยมหรือมีราคาตั้งแต่ 3,000-3,500 บาทขึ้นไปโตถึง 34% แต่ยังมีสัดส่วนที่เล็กอยู่เพียง 8.4% ของมูลค่ารวม ส่วนตลาดใหญ่ คือระดับราคา 1,000-1,500 บาท คิดเป็น45% ของตลาดรวม แต่ในแง่การเติบโตสูงสุด คือ ระดับราคา 1,500-2,000 บาท โตกว่า42% ทั้งนี้ตลอดปี2561 มองว่าตลาดน่าจะโตได้อย่างน้อย 10% โดยเฉพาะในไตรมาสสี่จะโตมากกว่าปกติเพราะเป็นไฮซีซั่น หรือยอดขายกว่า 40% จะมาจากไตรมาสสุดท้ายของปี

นางสาวสิริวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มสินค้าชิ้นเล็ก เป็นกลุ่มที่ใช้งบการตลาดกว่า 40% ของงบตลาดรวมทั้งปี โดยปัจจุบันฟิลิปส์มีเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กในหมวดต่างๆดังนี้ คือ เครื่องปั่น เตารีด เป็น2กลุ่มที่ทำรายได้มากสุดกว่า 70% และอีก 30% มาจาก เครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ หม้อทอดไม่ใช้น้ำมัน หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม เครื่องโกนหนวด แปรงสีฟันไฟฟ้า และขวดนมเอเว้น ที่นำกลับมาทำตลาดเองเมื่อส.คที่ผ่านมา จามมมมใกที่ให้ดีทแฮล์มทำตลาดและจัดจำหน่ายให้ ซึ่งปีหน้ายังไม่มีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ แต่ละเน้นเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นหลัก