xs
xsm
sm
md
lg

ชู 4 จังหวัด ผุดท่าเรือบกเชื่อมการค้าชายแดน เพิ่มสัดส่วนขนส่งทางรางเข้า ทลฉ.เป็น 30%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สนข.เตรียมสรุปผลศึกษาแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เล็งพื้นที่ฉะเชิงเทรา-นครราชสีมา-ขอนแก่น-นครสวรรค์ เล็งพัฒนา Boarder Logistics Park รวบรวม-กระจายสินค้า เชื่อมการค้าชายแดนกับท่าเรือแหลมฉบัง เพิ่มการขนส่งทางรางจาก 5.5% เป็น 30% ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ของกลุ่ม CLMV

นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมสัมมนา ครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง งานศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ของภูมิภาค ว่าจากผลการศึกษาพบว่าพื้นที่ที่มีความเหมาะสมจะพัฒนาท่าเรือบก ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา (อ.บ้านโพธิ์) จังหวัดนครราชสีมา (อ.สูงเนิน) จังหวัดขอนแก่น (อ.น้ำพอง) และจังหวัดนครสวรรค์ (อ.พยุหะคีรี) โดยเสนอให้มีการพัฒนา Boarder Logistics Park เพื่อรวบรวมและกระจายสินค้าและเพิ่มมูลค่าที่จังหวัดชายแดน ที่จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร เชียงราย ตาก สระแก้ว และสงขลา เป็นต้น ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงกันด้วยระบบโครงข่ายคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ

โดยผ่านมา สนข.ได้ลงพื้นที่จัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อหารือหรือพบปะกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 2 ครั้ง การสัมภาษณ์เชิงลึกกว่า 40 หน่วยงาน และได้มีการจัดสัมมนาประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามารับรู้และมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการตั้งแต่ขั้นตอนศึกษา การวางแผนโครงการ เพื่อให้การดำเนินการตัดสินใจในการดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ชอบธรรม และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม

ในครั้งนี้ได้มีการนำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการฯ ประกอบด้วย ภาพรวมผลการศึกษา ระเบียบ ข้อกำหนด ความตกลงระหว่างประเทศ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและลอจิสติกส์ แนวคิด รูปแบบ มาตรฐานการออกแบบ และการบริหารจัดการ การพัฒนาท่าเรือบก และรับฟังความเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน

โดย สนข.จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ไปประกอบการจัดทำร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ (Draft Final Report) ของการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ของภูมิภาคต่อไป

ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังถือว่าเป็นประตูการค้าหลักของประเทศไทย โดยปี 2560 มีปริมาณคอนเทนเนอร์ผ่านเข้าออกท่าเรือ จำนวน 7.67 ล้านตู้ และรถยนต์ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนคิดเป็น 8.64% นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ที่จะเปิดประมูลในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะทำให้ท่าเรือแหลมฉบังมีขีดความสามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ถึงปีละ 18 ตู้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณการจราจรบริเวณโดยรอบท่าเรือ แม้ว่ามีสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง หรือไอซีดี ลาดกระบังให้บริการอยู่แล้ว แต่ปริมาณคอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มความจุ

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการพัฒนาและกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบกให้ชัดเจน เพื่อลดความแออัดบริเวณรอบท่าเรือแหลมฉบัง โดยกระทรวงคมนาคมกำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังจากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 5.5% เพิ่มเป็น 30%

โดยท่าเรือบกที่จะพัฒนานี้ทำหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้าเหมือนท่าเรือ ประกอบด้วย 3 ชนิด ได้แก่ 1) ท่าเรือบกใกล้ท่าเรือ (Close Dry Port) 2) ท่าเรือบกระยะกลางประมาณ 300 กม.จากท่าเรือ (Mid-range Dry Port) และ 3) ท่าเรือบกที่ชายแดน (Distant Dry Port) เพื่อตอบสนองต่อปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตในแต่ละพื้นที่


กำลังโหลดความคิดเห็น