บอร์ดการท่าเรือ เห็นชอบเปิดเอกชนร่วมทุนบริหารแหลมฉบัง ท่า B2 B3 และ B4 หลังหมดสัญญาปี 63-64 โดยให้ควบรวมพื้นที่เหลือ 2 ท่า ส่วนท่า A5 ให้ต่อสัญญารายเดิม บ.นามยง เทอร์มินัล โดยให้ปรับค่าเช่าเพื่อลดความเสี่ยง เร่งชง”คมนาคม” และครม.อนุมัติต่อไป
ร้อยตำรวจตรี มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง รักษาการแทน ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า เนื่องจากท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) เปิดดำเนินการโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 1 และ 2 โดยให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2534 ซึ่งจะมีท่าเทียบเรือที่สิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทาน ในปี 2563 - 2564 ได้แก่ ท่าเทียบเรือ A5 B2 B3 และ B4
โดยตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 กทท. จะต้องศึกษาและจัดทำแนวทางการดำเนินกิจการของรัฐภายหลัง จากสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุด โดยเปรียบเทียบการดำเนินกิจการของรัฐกรณีที่หน่วยงานของรัฐดำเนินการเอง กับกรณีให้เอกชนร่วมลงทุน และกรณีให้เอกชนรายเดิมร่วมลงทุนตามมาตรา 48 แห่ง พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2556 โดยต้องเสนอต่อกระทรวงเจ้าสังกัดอย่างน้อยห้าปี ก่อนที่สัญญาร่วมลงทุนจะสิ้นสุดลง ซึ่งในการพิจารณาให้คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและความต่อเนื่องในการดำเนินกิจการของรัฐ
ซึ่งจากที่กทท. ได้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาฯ เพื่อศึกษาและเสนอแนวทางการดำเนินการตามมาตรา 48 กรณีของท่าเทียบเรือ B2 B3 และ B4 ซึ่งคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท. มีมติเห็นชอบให้เอกชนร่วมลงทุน โดย ให้มีการควบรวมท่าเทียบเรือ 3 ท่าดังกล่าว ความยาวหน้าท่าๆ ละ 300 เมตร ให้เป็น 2 ท่า มีความยาวหน้าท่าๆ ละ 450 เมตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ความเห็นและเสนอต่อคณะกรรมการ PPP เพื่อพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
โดยเมื่อคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ ในการให้เอกชนร่วมลงทุนตามมาตรา 48 แล้ว ขั้นตอนต่อไป กทท. จะต้องว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อจัดทำรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ และที่ปรึกษาต้องจัดทำรายงานเป็นเอกเทศตามรายละเอียดที่คณะกรรมการกำหนดในมาตรา 24 และสาระสำคัญอื่นๆ ที่ที่ปรึกษาเห็นสมควร
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการส่งรายงานของที่ปรึกษา เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาโครงการเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการต่อ รัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัด เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอคณะกรรมการ PPP และคณะรัฐมนตรีพิจารณาในมาตรา 26
หลังจากนั้น กทท. จะดำเนินการสรรหาเอกชนร่วมลงทุนในโครงการท่าเทียบเรือ B2 B3 และ B4 ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวเอกชนร่วมลงทุนท่าเทียบเรือดังกล่าวภายในปี 2565
ในส่วนของท่าเทียบเรือ A5 นั้น บอร์ด กทท. มีมติเห็นชอบให้เอกชนรายเดิมร่วมลงทุน ภายหลังสิ้นสุดสัญญาประกอบการท่าเทียบเรือ A5 ของบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) และเห็นชอบรูปแบบการพัฒนาท่าเทียบเรือ A5 โดยให้ปรับปรุงหลักผูกเรือกลางน้ำและต่อขยายอีก 70 เมตร (ความยาวหน้าท่าเดิม 527 เมตร หลักผูกเรือกลางน้ำเดิม 170 เมตร) และให้ผู้ประกอบการเป็นผู้ลงทุนในส่วนต่อขยาย
ทั้งนี้ บอร์ด กทท. ได้มีข้อเสนอแนะในเรื่องการปรับเฉลี่ยการจ่ายค่าเช่าของท่าเทียบเรือ A5 เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมให้ความเห็นต่อคณะกรรมการ PPP พิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป