ผู้จัดการรายวัน 360 - “ธนจิรา” ทุ่มพันล้านเข้าเทกโอเวอร์กิจการ “HARNN” 100% เบ็ดเสร็จ ต่อยอดธุรกิจไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ทุกอย่าง เสริมพอร์ต พร้อมเร่งปรับ 2 เฟสหลัก
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการเข้าซื้อกิจการและหุ้นทั้งหมด 100% จากเจ้าของเดิมกิจการ “หาญ” (HARNN) ของคนไทยด้วยมูลค่าหลักพันล้านบาท เพื่อเสริมพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ให้เป็นไปตาม
นโยบายและกลยุทธ์ที่จะก้าวสู่ความเป็นบริษัทแห่งแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ โดยมีทั้งการรับไลเซนส์แบรนด์ต่างประเทศและการเทกโอเวอร์แบรนด์ต่างๆ ทั้งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารเครื่องดื่ม
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแบ่งการดำเนินงานแบรนด์ HARNN ในเฟสแรกก่อน คือช่วง 9-12 เดือนแรกจะเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น ว่าเป็นสินค้าไทย มีสินค้าสปา อะโรมาเทอราพี บอดี้แคร์ สกินแคร์จากธรรมชาติ กลยุทธ์ 360 องศา เน้นดิจิทัลมาร์เกตติ้ง ขยายกลุ่มเป้าหมายและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ตกแต่งหน้าร้านให้ (BRAND REVAMP) มีอัตลักษณ์เหมือนกัน ขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นจากเดิมเป็นผู้ใหญ่ และเน้นเป็นของขวัญทุกโอกาส โดยจะใช้งบ 50 ล้านบาทในปีหน้า
ส่วนเฟสที่ 2 ช่วง 12-14 เดือน จะหาพันธมิตรใหม่ตลาดต่างประเทศทั้งตัวแทนจำหน่ายเดิมและในประเทศที่ไม่มีตัวแทนจำหน่าย เริ่มจากภูมิภาคเอเชียก่อน วางกรอบราคาขาย การวางสินค้าใหม่ การตกแต่งร้าน กลยุทธ์วิชัลเมอร์ชันไดส์ นโยบายทางการตลาดให้สอดคล้องกัน เพิ่มการส่งออกจากเดิม 60 ล้านบาทปีที่แล้ว เป็นสองเท่า 120 ล้านบาทในอีก 2 ปี ซึ่งมี 16 ประเทศ และลดทอนการพึ่งพิงรายได้จากการขายในประเทศ ตั้งเป้าหมายสัดส่วนส่งออกแบรนด์ HARNN จากเดิม 20% เป็น 40% ในอีก 2 ปีนี้ ขณะนี้มี 31 สาขา ( HARNN 29 สาขา และ VUUDH 2 สาขา) และอีก 2 สปา และจะเปิดใหม่อีก เช่นที่ไอคอนสยาม เป็นต้น สัดส่วนรายได้มาจาก สาขาแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ 12 แห่ง สัดส่วน 41% แบบจ่ายส่วนแบ่งอีก 19 สาขา รวม 54% และสปา 4% อื่นๆ 1%
ทั้งนี้ มีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ HARNN คือ วุฒิ (VUUDH) เป็นเครื่องหอมสไตล์เทมโพรารี, ธิชา บาย หาญ (Tichaa by HARNN) เป็นชาสมุนไพรใบหม่อนออร์แกนิก, หาญ เฮอริเทจสปา (HARNN Heritage Spa) สปาหรู และ เอเชี่ยน โฮลิสติก อะคาเดมี (Asian Holistic Academy) เป็นสถาบันถ่ายทอดความรู้ด้านศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
นายอภิชัย ผลโกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการแบรนด์ HARNN เป็นการซื้อที่ครอบคลุมการได้มาซึ่งรวมสินทรัพย์ทางปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครือข่ายเชิงธุรกิจทั้งหมดของกิจการ เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด ลดความเสี่ยงการพึ่งพารายได้จากแบรนด์นำเข้าที่ทำอยู่อย่างเดียว ตั้งเป้าหมายแบรนด์ HARNN มีรายได้สัดส่วน 25% จากรายได้รวม 2,250 ล้านบาทในปี 2563 และพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2563 เพื่อระดมทุนกว่า 1,500-2,000 ล้านบาทมาขยายกิจการและชำระหนี้
“แบรนด์ HARNN ตอบโจทย์เราหมด เพราะมีแบรนด์ตัวเอง มีอายุ 10 ปีขึ้นไป มีความหลากหลาย มีซินเนอร์ยี มีทีมงานที่ดี มีระะบบต่างๆ สเกลธุรกิจเพียงพอ ความยั่งยืนเติบโต โอกาสขยายภูมิภาคเออีซี ผลตอบแทนการลงทุน 15% และต่อยอดกลุ่มเป้าหมายสู่พรีเมียมแมส จึงมีการซื้อ หาญ (HARNN) เข้ามา ทุกอย่างจบตั้งแต่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา” นายอภิชัยกล่าว
จากเดิมปีที่แล้ว (2560) รายได้รวมบริษัทฯ อยู่ที่ 1,003 ล้านบาท แต่คาดว่ารายได้รวมปีนี้ (2561) จะเพิ่มเป็น 1,560 ล้านบาท (ซึ่งรวมแบรนด์ HARNN ด้วย) เพิ่มเป็น 1,850 ล้านบาทในปีหน้า (2562) และในปี 2563 เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท จากเดิมที่มี 4 แบรนด์ ตอนนี้เป็น 7 แบรนด์แล้ว คือ กลุ่มแบรนด์ หาญ ซึ่งมาจาก หาญ 83% VUUDH 16% และ TICHAA 1% จากรายได้รวมเดิมเมื่อปีที่แล้ว 350 ล้านบาท และแบรนด์เดิมของเราเมื่อปี 2560 รายได้สัดส่วนดังนี้ แพนโดร่า สัดส่วน 57%, แคธคิดสตัน 34%, มารีเมกโกะ 6%, โจนาธานแอดเลอร์ 2% และทิลด้า 1%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนเป็น แพนโดร่า 48%, แคธคิดสตัน 21%, มารีเมกโกะ 7%, โจนาธาน แอดเลอร์ 1%, หาญ 23%, ทิลด้า 0% อย่างไรก็ตาม แบรนด์โจนาธาน แอดเลอร์ บริษัทฯ ไม่ได้ทำตลาดแล้ว
ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2561 เทียบปี 2560 พบว่าแพนโดร่าเติบโตแบบออร์แกนิก 15% แต่ถ้ารวมสาขาใหม่ โต 28%, มารีเมกโกะ โต 38% แต่รวมสาขาใหม่โต 44% เฉลี่ยเปิด 10 สาขาใหม่ต่อปี
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วในการเข้าซื้อกิจการและหุ้นทั้งหมด 100% จากเจ้าของเดิมกิจการ “หาญ” (HARNN) ของคนไทยด้วยมูลค่าหลักพันล้านบาท เพื่อเสริมพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ให้เป็นไปตาม
นโยบายและกลยุทธ์ที่จะก้าวสู่ความเป็นบริษัทแห่งแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ โดยมีทั้งการรับไลเซนส์แบรนด์ต่างประเทศและการเทกโอเวอร์แบรนด์ต่างๆ ทั้งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และอาหารเครื่องดื่ม
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแบ่งการดำเนินงานแบรนด์ HARNN ในเฟสแรกก่อน คือช่วง 9-12 เดือนแรกจะเน้นสร้างการรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น ว่าเป็นสินค้าไทย มีสินค้าสปา อะโรมาเทอราพี บอดี้แคร์ สกินแคร์จากธรรมชาติ กลยุทธ์ 360 องศา เน้นดิจิทัลมาร์เกตติ้ง ขยายกลุ่มเป้าหมายและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ ตกแต่งหน้าร้านให้ (BRAND REVAMP) มีอัตลักษณ์เหมือนกัน ขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นจากเดิมเป็นผู้ใหญ่ และเน้นเป็นของขวัญทุกโอกาส โดยจะใช้งบ 50 ล้านบาทในปีหน้า
ส่วนเฟสที่ 2 ช่วง 12-14 เดือน จะหาพันธมิตรใหม่ตลาดต่างประเทศทั้งตัวแทนจำหน่ายเดิมและในประเทศที่ไม่มีตัวแทนจำหน่าย เริ่มจากภูมิภาคเอเชียก่อน วางกรอบราคาขาย การวางสินค้าใหม่ การตกแต่งร้าน กลยุทธ์วิชัลเมอร์ชันไดส์ นโยบายทางการตลาดให้สอดคล้องกัน เพิ่มการส่งออกจากเดิม 60 ล้านบาทปีที่แล้ว เป็นสองเท่า 120 ล้านบาทในอีก 2 ปี ซึ่งมี 16 ประเทศ และลดทอนการพึ่งพิงรายได้จากการขายในประเทศ ตั้งเป้าหมายสัดส่วนส่งออกแบรนด์ HARNN จากเดิม 20% เป็น 40% ในอีก 2 ปีนี้ ขณะนี้มี 31 สาขา ( HARNN 29 สาขา และ VUUDH 2 สาขา) และอีก 2 สปา และจะเปิดใหม่อีก เช่นที่ไอคอนสยาม เป็นต้น สัดส่วนรายได้มาจาก สาขาแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ 12 แห่ง สัดส่วน 41% แบบจ่ายส่วนแบ่งอีก 19 สาขา รวม 54% และสปา 4% อื่นๆ 1%
ทั้งนี้ มีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ HARNN คือ วุฒิ (VUUDH) เป็นเครื่องหอมสไตล์เทมโพรารี, ธิชา บาย หาญ (Tichaa by HARNN) เป็นชาสมุนไพรใบหม่อนออร์แกนิก, หาญ เฮอริเทจสปา (HARNN Heritage Spa) สปาหรู และ เอเชี่ยน โฮลิสติก อะคาเดมี (Asian Holistic Academy) เป็นสถาบันถ่ายทอดความรู้ด้านศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
นายอภิชัย ผลโกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการแบรนด์ HARNN เป็นการซื้อที่ครอบคลุมการได้มาซึ่งรวมสินทรัพย์ทางปัญญาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครือข่ายเชิงธุรกิจทั้งหมดของกิจการ เพื่อผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด ลดความเสี่ยงการพึ่งพารายได้จากแบรนด์นำเข้าที่ทำอยู่อย่างเดียว ตั้งเป้าหมายแบรนด์ HARNN มีรายได้สัดส่วน 25% จากรายได้รวม 2,250 ล้านบาทในปี 2563 และพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2563 เพื่อระดมทุนกว่า 1,500-2,000 ล้านบาทมาขยายกิจการและชำระหนี้
“แบรนด์ HARNN ตอบโจทย์เราหมด เพราะมีแบรนด์ตัวเอง มีอายุ 10 ปีขึ้นไป มีความหลากหลาย มีซินเนอร์ยี มีทีมงานที่ดี มีระะบบต่างๆ สเกลธุรกิจเพียงพอ ความยั่งยืนเติบโต โอกาสขยายภูมิภาคเออีซี ผลตอบแทนการลงทุน 15% และต่อยอดกลุ่มเป้าหมายสู่พรีเมียมแมส จึงมีการซื้อ หาญ (HARNN) เข้ามา ทุกอย่างจบตั้งแต่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา” นายอภิชัยกล่าว
จากเดิมปีที่แล้ว (2560) รายได้รวมบริษัทฯ อยู่ที่ 1,003 ล้านบาท แต่คาดว่ารายได้รวมปีนี้ (2561) จะเพิ่มเป็น 1,560 ล้านบาท (ซึ่งรวมแบรนด์ HARNN ด้วย) เพิ่มเป็น 1,850 ล้านบาทในปีหน้า (2562) และในปี 2563 เพิ่มเป็น 2,200 ล้านบาท จากเดิมที่มี 4 แบรนด์ ตอนนี้เป็น 7 แบรนด์แล้ว คือ กลุ่มแบรนด์ หาญ ซึ่งมาจาก หาญ 83% VUUDH 16% และ TICHAA 1% จากรายได้รวมเดิมเมื่อปีที่แล้ว 350 ล้านบาท และแบรนด์เดิมของเราเมื่อปี 2560 รายได้สัดส่วนดังนี้ แพนโดร่า สัดส่วน 57%, แคธคิดสตัน 34%, มารีเมกโกะ 6%, โจนาธานแอดเลอร์ 2% และทิลด้า 1%
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนเป็น แพนโดร่า 48%, แคธคิดสตัน 21%, มารีเมกโกะ 7%, โจนาธาน แอดเลอร์ 1%, หาญ 23%, ทิลด้า 0% อย่างไรก็ตาม แบรนด์โจนาธาน แอดเลอร์ บริษัทฯ ไม่ได้ทำตลาดแล้ว
ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2561 เทียบปี 2560 พบว่าแพนโดร่าเติบโตแบบออร์แกนิก 15% แต่ถ้ารวมสาขาใหม่ โต 28%, มารีเมกโกะ โต 38% แต่รวมสาขาใหม่โต 44% เฉลี่ยเปิด 10 สาขาใหม่ต่อปี