“ปลัดคมนาคม” เผยเตรียมเสนอ ครม.สัญจรเชียงรายอนุมัติ 5 โครงการใหญ่ เดินหน้าแหลมฉบังเฟส 3, ศูนย์ซ่อม MRO ที่อู่ตะเภา และมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ พร้อมชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม สศช.ดันรถไฟสีแดงต่อขยายและทางคู่เฟส 2 เข้า ครม.ภายในปลายปี มอบนโยบายขับเคลื่อน ทุกหน่วยงานเร่งเบิกจ่ายงบปี 62 เร่ง ทล.แก้ปมค่าเวนคืนบางใหญ่
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 8/2561 ณ จังหวัดพะเยา และเชียงราย ระหว่างวันที่ 29-30 ตุลาคม 2561 พิจารณา 5 โครงการ ได้แก่ โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มูลค่า 114,047 ล้านบาท ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ร่วมทุนระหว่างการบินไทยและแอร์บัส มูลค่า 10,588 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เห็นชอบแล้ว และมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. วงเงิน 79,006 ล้านบาท, ศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม 1,000 ล้านบาท, ศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า เชียงของ จ.เชียงราย 2,300 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ PPP เห็นชอบแล้ว
ส่วนโครงการที่อยู่ในแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2561 (Action Plan 2561) เช่น รถไฟทางคู่ระยะ 2 และรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ ระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,570.40 ล้านบาท, สายสีแดง ตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.70 กม. วงเงิน 7,469.43 ล้านบาท และตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.80 กม. วงเงินรวม 10,202.18 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) เบื้องต้นตนได้ไปชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อ สศช.แล้ว โดยเฉพาะข้อมูลด้านเทคนิคต่างๆ เช่น สายสีแดง ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเดินรถเอง โดยตั้งบริษัทลูกสายสีแดงขึ้นมาจากการอัดเกรด บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เป็นการยืนยันถึงนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อประกอบการพิจารณาที่รวดเร็วขึ้น
“โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 เสนอไป สศช.ทั้งหมด แต่การพิจารณาอนุมัติอาจจะเป็นออกมาแนวเส้นทางที่ต่อเนื่องกัน เป็นแพกเกจให้โครงข่ายเชื่อมต่อกัน ไม่ใช่เป็นทีละโครงการเหมือนเดิม ซึ่งเราก็เสนอรายละเอียดและภาพรวมทั้งหมดไป”
***เร่งเบิกจ่ายงบปี 62 สั่ง ทล.เร่งสรุปงบเวนคืนบางใหญ่
ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ได้ให้นโยบายในการทำงานกับหัวหน้าหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดคมนาคมว่า ให้ยึดยุทธศาสตร์พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (2560-2579) ในการจัดทำโครงการการของบประมาณ ขณะที่งานสำคัญของทุกคนคือ ขับเคลื่อนงานในงบประมาณปี 2562 ให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมาย เพราะปี 2561 การเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าเพราะติดเรื่องค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน โครงการมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี เป็นต้น ดังนั้น ปี 2562 จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก
สำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เพิ่มเป็น 19,637 ล้านบาท จึงต้องขอขยายงบประมาณเพิ่มเติมอีก 14,217 ล้านบาท จากวงเงินเดิมที่ได้รับ 5,420 ล้านบาทนั้น กรมทางหลวง (ทล.) กำลังทบทวนตัวเลขเพื่ออธิบายและพิสูจน์ว่า ค่าเวนคืนเพิ่มมาจากปัจจัยอะไร เพราะมีค่าเวนคืนเปรียบเทียบของสายบางปะอิน-นครราชสีมาที่มีความแตกต่างกัน ได้เร่งรัดแล้ว เพราะไม่อยากให้กระทบต่อการก่อสร้างมาก ยอมรับเป็นงานยากเนื่องจากต้องพิสูจน์ให้รัฐบาลเข้าใจ
ปี 2562 ได้รับงบลงทุน 369,199.04 ล้านบาท แบ่งเป็น งบแผ่นดิน 174,935.98 ล้านบาท และงบรัฐวิสาหกิจ 194,263.06 ล้านบาท พร้อมกันนี้จะต้องเริ่มจัดทำงบปี 2563 ซึ่งจะเน้นเรื่องสมาร์ท ทรานสปอร์ต, ความปลอดภัย, เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, มีประสิทธิภาพ, การเข้าถึงของคนทุกกลุ่ม โดยต้องนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ให้มากขึ้นกับงานด้านคมนาคม เป็นการวาง mindset ใหม่
“ผมขอให้ทุกคนบูรณาการการทำงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลได้ตามเป้าหมายและรวดเร็ว โดยถูกต้องตามระเบียบ ข้อกฎหมาย โดยข้อสั่งการ รมว.คมนาคม ทุกหน่วยงานต้องใส่ใจเรื่องที่กระทบต่อประชาชน เช่น ปัญหาจราจรจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ต้องบริหารจัดการจราจร หาระบบขนส่งสาธารณะพิเศษมาเสริม รวมถึงข้อร้องเรียนถนนชำรุด หรือเป็นถนนของท้องถิ่น ทางหน่วยงานกระทรวงคมนาคมต้องเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนข้อร้องเรียนต่างๆ ต้องรับฟังและตอบสนองแก้ไขให้ไว ยอมรับว่างานและข้อมูลของคมนาคมมีมาก ทุกหน่วยต้องช่วยกัน ผมเคยเป็น ผอ.สนข.เป็นคนทำแผน จากนี้จะมาขับเคลื่อนแผนให้สำเร็จ ซึ่งเวลา 2 ปีค่อนข้างน้อย คือ งานมาก ยากขึ้น เวลาน้อย ความคาดหวังสูง ดังนั้นจะทำคนเดียวไม่ได้ ต้องเป็นทีม เป็น One Transport”
นอกจากนี้ สนข.กำลังทบทวนโครงการในแผนปฏิบัติการ แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2561 (Action Plan ปี 2561) และประเมินโครงการใน Action Plan ปี 2559-2560 มาประกอบด้วยเพื่อให้เห็นภาพรวมของความก้าวหน้า และโครงการที่ยังติดขัด มีสาเหตุอะไร ก่อนที่จะทำแผน Action Plan ปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในเดือน พ.ย.นี้เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะกรณีที่ติดปัญหาด้าน EIA