ผู้จัดการรายวัน 360 - “คิงส์ ดีแพค” ยักษ์ผู้ผลิตถุงพลาสติกรุกคอนซูเมอร์โดยตรง ปั้นแบรนด์ “ฮีโร่” ลงขย้ำคู่แข่งเซกเมนต์ถุงขยะมูลค่า 15,000 ล้านบาท ดึง เบน-ชลาทิศ นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ สิ้นปีหวังรายได้รวมทะลุ 1,000 ล้านบาท บุกต่อเนื่องปีหน้า อัด 1,000 ล้านผุดโรงงานแห่งที่ 2 ที่ชลบุรี
นายทวี จุลศักดิ์ศรีสกุล คณะกรรมการ บริษัท คิงส์ ดีแพค ดิสทริบิวชั่น จำกัด ในกลุ่มบริษัท คิงส์ ดีแพค ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกชนิดอ่อนแบรนด์ “ฮีโร่” เปิดเผยว่า ตลาดรวมถุงพลาสติกทุกประเภทคาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท โตปีละไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งกลุ่มโตสุดคือ กลุ่มถุงขยะมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท โตไม่ต่ำกว่า 30% จากหลายปัจจัย เช่น การใส่ใจเรื่องของการแยกขยะ, ภาครัฐสนับสนุนการใช้ถุงขยะในการจัดเก็บขยะไปทิ้ง และเฮาส์แบรด์ในห้างค้าปลีกมียอดขายเพิ่มขึ้น เหตุห้างสรรพสินค้าลดการใช้ถุงบรรจุภัณฑ์ แม้ว่ากลุ่มถุงพลาสติกหูหิ้วจะมีมูลค่าตลาดใหญ่สุดกว่า 50,000 ล้านบาท และปีที่ผ่านมาเฉพาะกลุ่มห้างค้าปลีกจะมีการใช้ถุงพลาสติกใส่ของให้ลูกค้ากว่า 45,000 ล้านใบ ให้เหลือ 20,000 ล้านใบในปี 62
โอกาสที่เกิดขึ้น ทางบริษัทจึงมุ่งทำตลาดแบรนด์ฮีโร่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในเซกเมนต์ถุงขยะ ซึ่งปีนี้ใช้งบตลาดกว่า 100 ล้านบาท พร้อมจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย และได้ “เบน-ชลาทิศ” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ในปีนี้ เชื่อว่าถึงสิ้นปีจะมียอดขายกว่า 600 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของตลาด และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท และขึ้นเป็นผู้นำในตลาดถุงขยะได้ จากปัจจุบันกลุ่มถุงขยะผู้เล่นหลักคือเฮาส์แบรนด์ของห้างค้าปลีก
คิงส์แพคเป็นผู้ผลิตถุงพลาสติกรายใหญ่ท็อป 5 ของเอเชีย อยู่ในตลาดกว่า 40 ปี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม B2B ทั้งต่างประเทศ เช่น ห้างวอลล์มาร์ท, เทสโก้ และห้างในประเทศเกือบทั้งหมด เพื่อต้องการเติบโตแบบยั่งยืน 3 ปีที่ผ่านมาจึงปั้นแบรนด์ฮีโร่เข้ามารุกตลาดคอนซูเมอร์ ซึ่งแบรนด์ฮีโร่จะโฟกัสใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ 1. กลุ่ม Keep Food Fresh เป็นถุงพลาสติกที่สัมผัสอาหารโดยตรง 2. กลุ่ม Keep Item Safe บรรจุภัณฑ์อาหารและของใช้ และ 3. กลุ่ม Keep Home Clean ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน
สำคัญสุดคือ ถุงขยะ HERO เป็นการใช้วัตถุดิบที่เหลือจาก 3 กลุ่มนำกลับมาผลิตใหม่ และใช้เป็นไฟติ้งโปรดักต์ในการทำตลาดคอนซูเมอร์ เชื่อว่าจะทำให้รายได้สมดุลระหว่าง OEM กับแบรนด์ฮีโร่ อยู่ที่ 50% เท่าๆ กันได้ใน 5-8 ปี จากปัจจุบันรายได้ OEM ยังเป็นสัดส่วนหลักที่ 65% และแบรนด์ฮีโร่อยู่ที่ 35% โดยรายได้จากแบรนด์ฮีโร่ทั้งหมด ปีนี้คาดว่าจะทำได้ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นถุงขยะ 600 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ใน 3 กลุ่มหลักอีก 400 ล้านบาท ส่วนปีหน้าวางไว้ที่ 1,500 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย และหากทำได้ถึง 2,500 ล้านบาทจึงขึ้นเป็นผู้นำในตลาดรวมถุงพลาสติกทั้งหมด
นายทวีกล่าวต่อว่า ปีหน้า (2562) จะลงทุนโรงงานแห่งที่สอง แถวบางนา-ชลบุรี พื้นที่กว่า 400 ไร่ ซึ่งเฟสแรกในปี 62-63 จะใช้งบ 300-1,000 ล้านบาทรองรับการเติบโตและความต้องการทั้งในและต่างประเทศ จากเดิมมีโรงงาน 1 แห่ง และยังสนใจขยายโรงงานในต่างประเทศด้วย เช่น กัมพูชา อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ แค่เพียง 10 ไร่ก็สามารถสร้างโรงงานได้แล้ว น่าจะใช้เงินไม่เกิน 150 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดอาเซียนและญี่ปุ่น รวมถึงจะได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของการส่งออกด้วย