ผลสอบ ทอท.เหตุทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนไม่เกินคาด อดีตบิ๊กดอนเมืองลอยตัว ไม่พบบกพร่อง ส่วน รปภ.รับโทษคนเดียว ชี้เป็นความผิดเฉพาะตัว แฉมีรายงานครั้งแรกบอกไม่มีการทำร้ายใดๆ ก่อนจำนนหลังคลิปจีนประจานตบจริง ขณะที่พักงานยังไม่ครบ 30 วันโผล่มอบนโยบายสุวรรณภูมิตั้งแต่ 22 ต.ค.ก่อนเจอเหตุไฟฟ้าดับนาน 10 นาที ชี้ต่ำมาตรฐาน สงสัยไฟฟ้าสำรองต้องทำงานใน 3 วินาที
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานดอนเมืองทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีนเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 61 และมีการโพสต์ข้อความและแชร์คลิปวิดีโอจนกระทบต่อภาพลักษณ์และประเทศเสียชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก ซึ่ง ทอท.ได้มีคำสั่งพักงาน น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อํานวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (ผดม.) และนายสาธิต เดชะคุค ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานดอนเมือง ในขณะนั้น เป็นเวลา 30 วัน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน โดยในระหว่างนั้นให้ชะลอการโยกย้าย น.ท.สุธีรวัฒน์ ไปเป็นผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนนายสาธิตไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ไว้ก่อน
ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ เป็นประธาน วันที่ 24 ต.ค. ได้รับทราบผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ซึ่งสรุปว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ในฐาน ผอ.ดอนเมือง และ นายสาธิต เดชะคุค ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยดอนเมือง ในขณะนั้นไม่มีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีการรายงานเหตุการณ์ ทำให้ไม่ทราบจึงไม่สามารถเข้าไปแก้ไขเหตุการณ์ได้ โดยบอร์ดได้ตั้งข้อสังเกตให้ปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัยเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงทีที่เกิดเหตุ
แหล่งข่าวกล่าวว่า เท่ากับผู้บริหารสนามบินดอนเมือง 2 คนไม่มีความผิดใดๆ เพราะอ้างเหตุมีขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติ การรับผิดชอบและรายงานตามลำดับขั้น ทำให้กรณีนี้ ถือเป็นความผิดเฉพาะตัวของ รปภ.คนดังกล่าว เป็นเรื่องวุฒิภาวะ
***แฉ อดีตบิ๊กดอนเมืองรายงานเท็จต่อ “คมนาคม” ไม่มีการทำร้าย ก่อนจำนนหลังคลิปจีนประจาน รปภ.ตบจริง
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า หลังเกิดเหตุและมีการโพสต์ข้อความและแชร์วิดีโอผู้โดยสารจีนถูกทำร้าย พร้อมข้อความว่าถูกพาเข้าห้องดำ พร้อมถูกรีดไถเงินค่าทิป และโดนบังคับขู่เข็ญอิสรภาพส่วนตัว ไม่คิดว่าคนไทยจะปฏิบัติต่อคนจีนอย่างนี้ ทำให้สถานทูตจีนสอบถามมายังผู้ใหญ่ในรัฐบาล ซึ่งพบว่าทางดอนเมืองได้รายงานว่าเป็นภาพเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 61 เวลาประมาณ 22.25 น. เกิดเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตระเวนระงับเหตุ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เข้าระงับเหตุกรณีผู้โดยสารชาวจีนอายุ 24 ปี เดินทางมากับสายการบินไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ SL117 เส้นทางจากาตาร์-ดอนเมือง ซึ่งในขณะที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวกำลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่ยอมแจ้ง booking โรงแรมที่พักและแสดงมารยาทไม่ดี เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจึงไม่อนุญาตให้เข้าเมือง อีกทั้งไม่ยินยอมไปห้องกัก และได้ไปหลบอยู่บริเวณ Bus Gate อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
“ในระหว่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุ ได้มีผู้ถ่ายคลิปคล้ายกับว่าเจ้าหน้าที่พยายามใช้มือขวายื่นไปทางหน้าของผู้โดยสารจีนคนดังกล่าว แต่ไม่ได้โดน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น”
หลังจากนั้นไม่นานได้แก้คำรายงานใหม่ เป็น “เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุแต่ได้มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ” เนื่องจากภาพในคลิปยืนยันชัดเจนว่ามีการตบผู้โดยสารจริง แสดงให้เห็นว่าอดีต ผอ.ดอนเมือง เมื่อทราบเรื่องแล้วกลับไม่มีการสอบสวนใดๆ ทำให้ชี้แจงต่อผู้ใหญ่ในรัฐบาลด้วยเรื่องที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
*** ยังไม่ครบ 30 วัน แต่ “สุธีรวัฒน์” โผล่นั่งเก้าอี้ ผอ.สุวรรณภูมิแล้ว
สำหรับเหตุการณ์นี้พนักงาน ทอท.ได้ตั้งข้อสงสัยกันว่ามีการสอบสวนผู้บริหารสนามบินดอนเมืองทั้ง 2 จริงหรือไม่ ขณะที่ 2 ผู้บริหารดอนเมืองซึ่งถูกสั่งพักงาน 30 วัน โดยให้ไปปฏิบัติหน้าที่สำนักงานใหญ่ ทอท.นั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 22 ต.ค. น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ได้ไปปฏิบัติงานที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว โดยมีการเรียกประชุม ให้นโยบายผู้บริหารของสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งๆ ที่ยังไม่ครบเวลาพักงาน 30 วัน และยังไม่มีการรายงานผลสอบสวนต่อบอร์ด ทอท.อีกด้วย
*** สุวรรณภูมิไฟฟ้าดับต้อนรับ ผอ.คนใหม่ แก้ 10 นาทีต่ำมาตรฐาน ชี้ปกติไฟฟ้าสำรองต้องทำงานใน 3 วินาที
จากเหตุสนามบินสุวรรณภูมิไฟดับเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ช่วงเวลา 09.43-09.53 น. ซึ่งใช้เวลาแก้ไขนานถึง 10 นาทีแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดย ทอท.ชี้แจงว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ได้เข้ามาซ่อมบำรุงหม้อแปลงที่สถานีไฟฟ้าภายในสนามบินสุวรรณภูมิตามรอบปกติ ซึ่งเหตุเกิดกับสถานีไฟฟ้าหลักที่ป้อนไฟฟ้าเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร และอาคารเทียบเครื่องบิน ส่งผลกระทบต่อระบบเช็กอินตั๋วโดยสาร ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบตรวจคนเข้าเมือง ระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน
ล่าสุด กฟน.ได้ชี้แจงว่า กรณีสนามบินสุวรรณภูมิไฟดับไม่ใช่ความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของ กฟน. เพราะมีเจ้าหน้าที่ของ ทอท.รับผิดชอบในการปลดสับสวิตช์เพื่อย้ายแหล่งจ่ายไฟดังกล่าว และในเวลา 09.43 น.ได้เริ่มปลดสับสวิตช์ไฟฟ้า ระหว่างดำเนินการปลดสับสวิตช์ได้เกิดความคลาดเคลื่อนจนเป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้าดับในอาคารผู้โดยสารบางส่วนขึ้น ซึ่งทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองทำงานโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เกิดควันดำจากท่อไอเสียของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ไม่ใช่ควันจากเพลิงไหม้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวจาก ทอท.กล่าวว่า ระบบไฟฟ้าของสนามบินสุวรรณภูมิได้ออกแบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีการรับไฟฟ้าถึง 3 เส้น ไม่เฉพาะจาก กฟน.เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเกิดขัดข้อง ระบบไฟฟ้าสำรองจะทำงานทันที ซึ่งมาตรฐานสนามบิน หากเกิดไฟฟ้าดับจะกลับมาในเวลา 3 วินาที ซึ่งผู้โดยสารแทบไม่รู้สึกว่าไฟฟ้าดับ แต่ครั้งนี้ถือว่าผิดปกติอย่างมาก
***จ่อรื้อระบบ รปภ. ตั้งบริษัทลูก วางมาตรฐานกลาง เพิ่มงบ-เพิ่มคน
แหล่งข่าวกล่าวว่า แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะไม่แสดงเอกสารยืนยัน และแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม มีพฤติกรรมขัดขืน ก่อความวุ่นวาย แต่การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ รปภ.ทำให้เห็นว่า ทอท.ไม่เป็นมืออาชีพ ระบบมีปัญหา และเมื่อเกิดเหตุ สุดท้ายพนักงานชั้นผู้น้อยจะกลายเป็นแพะรับโทษ ส่วนผู้บริหารไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ซึ่งทำให้คนปฏิบัติหน้าที่เสียขวัญอย่างมาก
ที่ผ่านมาสนามบินดอนเมืองมีปัญหาเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การเตรียมเจ้าหน้าที่เป็นแบบเร่งรีบเพื่อให้ทันต่อการทำงาน การกำหนดอัตรากำลังและงบประมาณไม่เหมาะสมกับขนาดพื้นที่และจำนวนผู้โดยสารที่ต้องดูแล เจ้าหน้าที่ รปภ.ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างประจำ ไม่ได้เป็นพนักงาน ขณะที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบสูง ส่วนการอบรมต่างๆ ต้องยกเครื่องกันใหม่ทั้งหมด ซึ่ง ทอท.มีแนวคิดที่จะตั้งบริษัทลูกด้านรักษาความปลอดภัย และสร้างมาตรฐานกลางด้านรักษาความปลอดภัยต่อไป