xs
xsm
sm
md
lg

“ธนจิรา”เทคโอเวอร์ลดเสี่ยงลิขสิทธิ์ ลุยเฮลท์บิวตี้-ผุดบริษัทในเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360 – “ธนจิรา” ลุยหน้าเทคโอวเอร์ ขยายธุรกิจลดเสี่ยงแค่การรับลิขสิทธิ์แบรนด์ต่างประเทศมาทำตลาดเท่านั้น แตกไลน์แฟชั่นเสื้อผ้ากระเป๋า โฟกัสเฮลท์แอนด์บิวตี้ ฟู้ดแอนด์เบฟเวอเรจ สร้างรายได้รวมให้สมดุลย์ ดันรายได้ปีนี้ทะลุ 1,200 ล้านบาท พร้อมสยายปีกต่างประเทศ ตั้งบริษัทในเวียดนาม

นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากนี้บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ จะให้ความสำคัญกับการมีแบรนด์เป็นของตัวเองเพิ่มขึ้นโดยจะเน้นไปที่การซื้อธุรกิจหรือเทคโอเวอร์และการพัฒนาแบรนด์เองว ควบคู่ไปกับการรับลิขสิทธิ์แบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในไทย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับองค์กร รวมทั้งเป็นการสร้างความสมดุลย์และลดความเสี่ยงที่จะพึ่งพาการทำธุรกิจด้านลิขสิทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ 50-50 เท่ากัน

.โดยนอกจากกลุ่มแฟชันที่ดำเนินอยู่แล้ว ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจออกไปมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเฮลท์แอนด์บิวตี้ และกลุ่มฟู้ดแอนด์เบฟเวอเรจด้วย จากปัจจุบันมีสินค้าที่รับลิขสิทธิ์ 3 แบรนด์คือ แพนดอร่า เครื่องประดับจากเดนมาร์ก, แคท คิดสตัน กระเป๋าจากอังกฤษและ มารีเมกโกะ กระเป๋าเสื้อผ้าจากฟินแลนด์ และแบรนด์ที่เป็นของงบริษัทคือ ทิลด้า เครื่องประดับ โดยมีแพนดอร่า เป็นแบรนด์ทำรายได้หลักมากกว่า 65% จากรายได้รวมทั้งหมด ส่วน แคท คิดสตัน สัดส่วน 25% และ มารีเมกโกะ สัดส่วน 10% ส่วนทิลด้ายังน้อยมาก

ล่าสุดคือ การเข้าเทคโอเวอร์ด้วยการซื้อหุ้นใหญ่ทั้งหมด 100% ในกิจการด้านสุขภาพและความงามแบรนด์ไทยรายหนึ่ง ด้วยมูลค่าหลักพันล้านบาท โดยใช้เงินสดหมุนเวียน 15% และเงินกู้อีก 85% ซึ่งได้มีการสรุปการซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว (จะเปิดตัวแถลงข่าวเป็นทางการวันที่ 29 ตุลาคมนี้) แบรนด์ดังกล่าว มีรายได้ประมาณ 350 ล้านบาท มีสาขาประมาร 30 กว่าสาขา มีธุรกิจในต่างประเทศกว่า 16 ประเทศ ในเอเซีย ยุโรปและอเมริกา ซึ่งเมื่อได้แบรนด์นี้เข้ามาแล้วจะทำให้เป็นสัดส่วนรายได้เป็นอันดับที่ 2 ทันที

“ตอนนี้เราก็ยังมองดูถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มด้วย ซึ่งคงต้องเป็นการซื้อทั้งเชน ที่มีสาขาจำนวนมาก แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจากับรายใด คงขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะ ส่วนแบรนด์ลิขสิทธิ์ต่างประเทศ เราก็ยังมีการเจรจาหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง” ธนพงษ์ กล่าว

สำหรับ การลงทุนในปี2561นี้ แยกเป็น ด้านการตลาด 50 ล้านบาท งบขยายสาขาใหม่และปรับปรุงด้วยรวม 60 ล้านบาท ซึ่งปีนี้เปิดสาขาใหม่ทุกแบรนด์รวมกันประมาณ 8 – 9 สาขา ส่วนปีหน้าจะลงทุนด้านการตลาดประมาณ 4 % และทางด้านสาขา สัดส่วน 6% จากยอดขายรวม

ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาทุกแบรนด์ประมาณมากกว่า 80 สาขา โดยแยกเป็น แพนดอร่า ประมาณ 34 สาขา, แบรนด์แคท คิดสตัน ประมาณ 37 สาขา และทิลด้า ประมาณ 2 สาขา ที่เหลือเป็นแบรนด์มารี เมกโกะ

นายธนพงษ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของแบรนด์แพนดอร่า พบว่าแพนดอร่าในไทยมียอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆของเอเซียแปซิฟิค ยอดขายเติบโตสองหลักอย่างต่อเนื่องในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ยอดขายจากสาขาเดิมเติบโต 25% ปัจุบันมีสัดส่วนลุกคัรคนไทย 85% และต่างชาติ 15% ล่าสุดลงทุน 28 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่เป็นแฟลกชิบสโตร์รูปแบบใหม่เป็นแห่งแรกในไทยและเอเซียแปซิฟิค ที่แพนดอร่าที่เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้ปรับกลุ่มเป้าหมายใหม่เป็นกลุ่มผู้หญิงวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงานที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต


ล่าสุดเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ คือ แพนดอร่า รีเฟล็กซ์ชั่น เป็นสร้อยข้อมือและชาร์ม เดือนพฤศจิกายน เปิดตัวเพียวลี่แพนดอร่าโดยคาดว่าภายสินปี2561นี้ แพนดอร่ามียอดขายรวม เติบโต 28% และภายใน 3 ปีจากนี้แพนดอร่าจะมียอดขายรวม 1,200 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการรวมทั้งบริษัทฯในปี2561นี้ คาดว่าจะมีประมาณ 1,200 ล้านบาท ส่วนปีหน้คาดว่าจะมียอดขายรวม 1,850 ล้านบาท


นายธนพงษ์ กลาวต่อด้วยว่า นอกจากธุรกิจในไทยแล้ว ขณะนี้บริษัทฯได้ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ตั้งบริษัท ธนจิรา เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ในเวียดนาม เพื่อนำลิขสิทธิ์ โดยนำร่องที่แบรนด์ แคท คิดสตัน เข้าไปทำตลาด เพราะได้รับลิขสิทธิ์ในไทยและเวียดนาม โดยจะเปิดร้านแรกที่ศูนย์การค้าไซม่อน โฮจิมินห์ กลางปีหน้า และอีกสาขาปลายปีหน้า ลงทุนรวม 10 ล้านบาท



ขณะที่อีก 2 แบรนด์หลัก คือ มารี เมกโกะ บริษัทฯได้ลิขสิทธิ์เฉพาะในไทยเท่านั้น ส่วนแพนดอร่า มีตัวแทนจำหน่ายทำตลาดอยู่แล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น