xs
xsm
sm
md
lg

“โกลด์ซิตี้” ลุยตลาดรองเท้าระดับกลาง ชู Design Collaboration นำร่อง “เก่ง-ธชย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360 - “โกลด์ ซิตี้” ฉีกตลาดรองเท้าผ้าใบซบ ลุยตลาดบลูโอเชียน เจาะกลุ่มราคา 500-1,200 บาทต่อคู่ ชูกลยุทธ์ Design Collaboration ประเดิมจับมือกับ “เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนแรกของสินค้า ออกแบบรองเท้ารุ่น KENG2 รุ่นในซีรีส์ “เก่งให้สุด…อย่าหยุดเก่ง” คือรุ่นเก่ง Original และเก่ง Advance โดยทุ่มงบการตลาดกว่า 25 ล้านบาทตลอดทั้งปี

นายสุรศักดิ์ จินาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตแวร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย รองเท้าครบวงจร ภายใต้ Brand GoldCity, Fast, Chang, GC, Gold Sport และอื่นๆ เปิดเผยว่า ตลาดรวมรองเท้าผ้าใบในไทยปี2561นี้ค่อนข้างทรงตัวเช่นเดียวกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะตลาดระดับล่างที่มีราคาคู่ละต่ำกว่า 500 บาทลงมา ตกมากที่สุด 10% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 5,000 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีผลประกอบการที่ดีเนื่องจากมีรองเท้าหลากหลายกลุ่ม ทั้งผ้าใบนักเรียน แฟชั่น รองเท้าสุขภาพ รองเท้าวิ่ง รองเท้ากีฬา เป็นต้น


บริษัทฯ แบ่งการผลิตออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. รับผลิตให้แบรนด์ดังหรือหน่วยงานชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ 2. รับออกแบบและผลิตสินค้าให้บริษัทที่ต้องการสร้างแบรนด์ของตัวเอง 3. การทำแบรนด์ของตนเอง โดยการผลิตในส่วนข้อ 1-2 มียอดการผลิตโดยรวมกว่า 6 ล้านคู่ต่อปี และในส่วนแบรนด์ของบริษัทฯ หรือ OBM มีสัดส่วนการผลิตมากสุด คือ รองเท้านักเรียน ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25% จัดเป็นอันดับที่ 3 ของตลาดรองเท้า มียอดขายอยู่ที่ 20 ล้านคู่ หรือคิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 33% เนื่องจากมีการออกสินค้าใหม่และส่งเสริมการขายในทุกช่องทางและทำกิจกรรมสื่อประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการตลาดตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายตลาดในกลุ่มตลาดใหม่ๆ ที่ยังไม่มีการแข่งขันที่สูงหรือมีผู้ประกอบการน้อยรายในตลาดนั้น โดยเฉพาะในตลาดระดับกลางที่มีราคารองเท้าผ้าใบจำหน่ายระหว่าง 500-1,200 บาท เพราะส่วนใหญ่ทุกแบรนด์จะเน้นระดับราคาต่ำกว่า 500 บาท ถือเป็นตลาดระดับล่าง และราคาสูงกว่า 1,200 บาท ที่เป็นระดับบน

“ตลาดระดับกลาง 500-1,200 บาท ตรงนี้ผมมองว่าเป็นตลาดที่น่าจะใหญ่ และเป็นบลูโอเชียน (Blue Ocean) เพราะเป็นตลาดที่ยังไม่มีใครมาทำชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไทยหรือแบรนด์ต่างประเทศ ก็จะเน้นไปที่ตลาดล่างและบนไปเลย โดยกลยุทธ์นี้บริษัทฯ จะนำศิลปิน หรือคนที่มีชื่อเสียง อินฟลูเอนเซอร์ หรือสตาร์ทอัพใหม่ๆ ที่เราจะชวนให้คนกลุ่มนี้มาร่วมกันออกแบบรองเท้าใหม่ๆ ด้วยเพื่อสร้างความแตกต่าง และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กลุ่มเป้าหมายด้วย เรียกว่า กลยุทธ์ Design Collaboration มาใช้จะช่วยผลักดันยอดขายและสร้างภาพลักษณ์ให้แก่โกลด์ซิตี้ได้ดี” นายสุรศักดิ์กล่าว


โดยเราได้มุ่งเน้นไปยัง 3 กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท คือ 1. กลุ่มเยาวชน การร่วมออกแบบกับคนดนตรี คือ เก่ง-ธชย, การร่วมออกแบบกับนักกีฬาฟุตบอลกับทีม YHAFA by BGFC และกับนักกีฬา 2. กลุ่มผู้ใส่ใจสุขภาพและกลุ่มผู้สูงอายุ (Aging Society) มีการร่วมออกแบบเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพเท้า ร่วมกันกับ Jolly Walk และ สวทช. (ITAP) 3. กลุ่มที่มุ่งมั่นในการทำงาน (Performance Coaching) เพื่อเป็น role model ให้ตรงต่อกลุ่มเป้าหมาย

ล่าสุดได้จับมือกับ “เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ คนแรกของสินค้า เหตุที่เลือกเก่ง-ธชย เนื่องจากเป็นคนที่มีความสุขในการพัฒนาตนเอง ไม่หยุดนิ่ง พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ และต้องการสื่อสารความเป็นไทยให้ทั่วโลกรู้จักเหมือนกับแบรนด์โกลด์ซิตี้ ซึ่งตรงต่อกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ คือ กลุ่มนักเรียน (Dreamer) นักศึกษา และกลุ่มเริ่มทำงาน ที่มองหาต้นแบบการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตนเอง และเก่งได้มีส่วนร่วมในการออกแบบรองเท้ารุ่น KENG2 รุ่นในซีรีส์ “เก่งให้สุด…อย่าหยุดเก่ง” คือ รุ่นเก่ง Original และเก่ง Advance โดยทุ่มงบการตลาดกว่า 25 ล้านบาท ตลอดทั้งปี


โดยมีแผนการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายด้วยการใช้กลยุทธ์การสื่อสารผ่าน Music Marketing สื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ (online) ด้วย MV กับเพลงใจยักษ์, วิทยุ (Spot Radio) และทีวี (Spot TVC) พร้อมตั้งเป้ายอดขายของสินค้ารุ่นเก่งอยู่ประมาณ 120,000 คู่ต่อปี และคาดหวังยอดขายสินค้าโดยรวมทั้งกลุ่มบริษัทว่าจะเติบโตที่ 10% ภายในปี 2561 นี้ และที่ผ่านมาได้ทำกิจกรรมสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้แบรนด์โกลด์ซิตี้เข้าไปอยู่ในในใจผู้บริโภคผ่านกิจกรรม GoldCity Thailand Band Knock Out, Sponsor Concert ตลอดทั้งปี เพื่อสอดคล้องกับการสื่อสารแบบ Music Marketing เช่น Concert เด็กเทป, Hip Hop Festival, โคตรอินดี้ และที่กำลังจะเกิดปลายปีนี้คือ สายนุ่ม และสหาย ที่ครอบคลุมทุกแนวเพลง Clinic Football กับ บางกอกเอฟซี (BGFC) ที่มีการจัดการแข่งขันและสอน และทำ POP ในทุกช่องทาง นอกจากนี้มีกิจกรรม CSR บริจาครองเท้าและถุงเท้านักเรียนให้แก่โรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ผ่านโครงการพระเมตตา รางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์





สำหรับรองเท้ารุ่น เก่ง Advance จัดวางขายตามห้างสรรพสินค้า, เอาต์เล็ต, ช่องทางออนไลน์ (Online Market Place) ร้านค้าปลีกชั้นนำตามหัวเมืองใหญ่ และรุ่นเก่ง Original จะเน้นวางขายที่ในทุกช่องทาง โดยมีกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งกับผู้บริโภคและกับร้านค้า ผ่านช่องทางค้าส่ง ในช่องทางการจัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม และค้าปลีกในช่องทางโมเดิร์นเทรดและออนไลน์


นอกจากนั้นบริษัทฯ มีแผนจะรุกตลาดออนไลน์มากขึ้นซึ่งมีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้นในเวลานี้ โดยมีการขาผ่านเว๊บไซต์ของบริษัท และขายผ่านมาร์เกตเพลซต่างๆ เช่น ลาซาด้า และ ช้อปปี้ เปินต้น ซึ่งที่ผ่านมาเน้นการขาย แต่จากนี้จะเน้นการทำตลาดและการโปรโมต การจัดแคมเปญมากขึ้น





สำหรับแผนการตลาด บริษัทฯ มุ่งเน้นด้านการขยายตลาด-สินค้า โดยหาช่องว่างของตลาดที่ยังสามารถพัฒนายอดขายจากสินค้าเดิมไปยังอีกช่องทางได้ โดยเพิ่มสัดส่วนช่องทางโมเดิร์นเทรด อย่างโรบินสัน ซึ่งปัจจุบันนี้มีสาขาอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ อุดรธานี พิษณุโลก สุรินทร์ และมีวางจำหน่ายเพิ่มสาขาขึ้นเรื่อยๆในอนาคต รวมถึงช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น เพิ่มการให้บริการแก่คู่ค้าเพื่อสร้างความประทับใจในการส่งสินค้าส่งไปต่างประเทศ หรือสัดส่วนการขายสินค้าในรูปแบบโปรเจกต์การบริจาค, เล่นกีฬา, โรงงาน, ไซต์งานก่อสร้าง เป็นต้น และเน้นเพิ่มยอดขายในตลาดรองเท้านักเรียน และรองเท้าแฟชั่น ด้วยการกระจายสินค้ารองเท้านักเรียน, แฟชั่น และถุงเท้าไปยังตัวแทนที่ขายทั้งรองเท้านักเรียนและแฟชั่นอยู่แล้วที่ยังไม่มีสินค้าครบ


ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นรายได้จากในไทย 500 ล้านบาท มาจาก รองเท้านักเรียน 70% และรองเท้าแฟชั่น 30% ส่วนอีก 500 ล้านบาทจากต่างประเทศ ทั้งแบรนด์ตัวเองและรับจ้างผลิต ตลาดหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป



กำลังโหลดความคิดเห็น