ผู้จัดการรายวัน 360 - เมเจอร์ฯ เดินหน้าปีหน้าขยายเพิ่มอีกที่ลาวกับกัมพูชา พร้อมสิ้นปีนี้เปิดในไทยอีกที่ไอคอนสยามกับเกตเวย์แอดบางซื่อ ต่อยอดโรงหนังเด็กอีก 2 สาขา ชูโมเดลใหม่โรงอีสปอร์ตเพิ่มมาร์จิ้น
นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2562) ทางเมเจอร์ฯ กรุ๊ปมีแผนที่จะขยายสาขาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในทุกธุรกิจ เช่น โรงหนัง คาราโอเกะ โบว์ลิ่ง รวมทั้งจะมีการพัฒนารูปแบบการบริการใหม่ๆ ต่อเนื่อง โดยในต่างประเทศเมเจอร์ฯ จะเปิดสาขาใหม่อีกที่เวียงจันทน์ (ลาว) 1 สาขา และกัมพูชาอีก 1 สาขา
ส่วนในประเทศไทย ในช่วงปลายปี 2561 นี้เตรียมเปิดสาขาใหม่ที่เกตเวย์แอทบางซื่อ และสาขาไอคอนสยามถนนเจริญนคร ซึ่งสาขาไอคอนสยามนี้จะเป็นโรงหนังที่ใหญ่มีความพร้อมสมบูรณ์แบบเป็นอีกหนึ่งแฟลกชิปสโตร์ด้วย เพื่อให้เป็นไปตามแผนเป้าหมายระยะยาวภายในปี 2563 จะขยายเครือข่ายโรงหนังทั่วประเทศไทยและกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีให้ครบ 1,000 โรง และจับทุกกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เด็ก 5 ขวบจนถึงวัยเกษียณ
ขณะเดียวกัน สิ้นปีนี้ก็จะเปิดตัวโรงหนังเด็กใหม่เพิ่มอีก 2 สาขาในโรงหนังสาขาเดิมที่ สาขารังสิตกับสาขาเซ็นทรัลพระรามสาม หลังจากที่เปิดบริการไปแล้วในปีนี้ 2 สาขา คือที่เมกาบางนา ที่มีทางผลิตภัณฑ์โคโดโม ของบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือสหพัฒน์ เป็นพันธมิตรแบบเนมมิ่งสปอนเซอร์หลัก โดยใช้ชื่อโคโดโม คิดส์ ซีเนม่า และสาขาเซ็นทรัลเวสต์เกต ที่มีลาซาด้าเป็นพันธมิตรหลักแบบเนมมิ่งสปอนเซอร์ และได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างดี ส่วนอีก 2 สาขาใหม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อพันธมิตรหลักแบบเนมมิ่งสปอนเซอร์ได้ โดยการขยายโรงหนังเด็กเพิ่มขึ้นนี้เพื่อจับกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีลูกอายุระหว่าง 5-12 ปี เข้ามาชมหนังแบบเฉพาะกลุ่มอย่างเป็นส่วนตัวได้
ทั้งนี้ เมเจอร์ฯ ยังคงเน้นกลยุทธ์การตลาดร่วมกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการขยายฐานและตลาดด้วย และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ซึ่งนอกจากการเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์แล้วก็ยังมีในหลายรูปแบบ เช่น การทำโปรโมชัน การให้ส่วนลด การเข้ามาใช้ทื้นที่บริการ การทำตลาดแบบองค์กร เป็นต้น อีกทั้งในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ถือเป็นช่วงหน้าหนังด้วยมีหนังฟอร์มใหญ่ฉายหลายเรื่อง ซึ่งในสิ้นปีนี้เมเจอร์ฯ คาดว่าจะมียอดจำหน่ายตั๋วหนังทั้งหมดรวม 34 ล้านใบ หรือเติบโต 10% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
“ในช่วงที่ผ่านมาทางเมเจอร์ฯ มีการจับมือกับพันธมิตรหลากหลายธุรกิจแล้วหลายราย เช่น อิออนกรุ๊ป กลุ่มกรุงเทพดุสิตเวชการ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน เอไอเอส กลุ่มทรู ลาซาด้า ในหลายรูปแบบ หรือแม้กระทั่งการจับมือกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์สเพื่อเปิดโรงหนังติดอันดับ 1 ใน 5 โรงหนังที่แพงที่สุดในประเทศ ราคาที่นั่งคู่ละ 2,000 บาท มีบริการพิเศษแบบส่วนตัวในห้องรับรองบางกอกแอร์เวย์สบลูริบบอนเลานจ์ระหว่างรอชมภาพยนตร์ฉายเหมือนการรอขึ้นเครื่องบิน ทั้งอาหารว่าง เครื่องดื่ม บริการนวด” นายนรุตม์กล่าว
นายนรุตม์กล่าวว่า ล่าสุดเมเจอร์ฯ ได้เปิดให้บริการโรงหนังอีสปอร์ต (ESPORTS) สาขาแรก ด้วยการปรับปรุงจากโรง 4 จากสาขาเอสพลานาดรัชดาภิเษก ให้เป็นโรงอีสปอร์ตแห่งแรกของไทย เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์และตลาดผู้นิยมเล่นเกมอีสปอร์ตในไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ตลาดเกมอีสปอร์ตในไทยมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 12% ต่อปี อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐที่ได้ขึ้นทะเบียนอีสปอร์ตให้เป็นกีฬาอย่างเป็นทางการ และได้ถูกบรรจุอยู่ในกีฬาชนิดใหม่ของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ในอนาคต ซึ่งทางเมเจอร์ฯ พร้อมตอบสนองดิจิทัลไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่เพื่อตอบสนองให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดอีสปอร์ตในระดับอาเซียน
ในไทยแต่ละปีคาดว่ามีการจัดอีเวนต์มากกว่า 100 อีเวนต์ตามสถานที่ต่างๆ หรือแม้แต่ในพื้นที่ของพารากอนซีนีเพล็กซ์เองก็มีลูกค้ามาใช้สถานที่ในการจัดการแข่งขันเช่นกัน แต่ทุกที่ยังไม่มีความพร้อมในการให้บริการแบบสมบูรณ์แบบ เพราะแต่ละแห่งจะต้องมีการติดตั้งและปรับพื้นที่ใหม่ทุกครั้งเมื่อมีการใช้บริการและรื้อออกเมื่อจบรายการ ส่งผลให้ไม่มีความสะดวกและต้นทุนสูงมากในการจัดไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาทต่อวันต่อพื้นที่
ทางเมเจอร์ฯ จึงได้พัฒนาโรงหนังอีสปอร์ตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อรองรับตลาดดังกล่าว ด้วยการจับมือกับพันธมิตรหลัก คือ เดลล์ ใช้ชื่ออว่า เดลล์ เกมมิ่ง อีสปอร์ตส ซีเนม่า และพันธมิตรอื่นอีกหลายราย เช่น อินเทล นีโอโซลูชั่น และทรูคอร์ปอเรชั่น ส่วนการีน่าคือผู้จัดอีสปอร์ตรายใหญ่ที่จะมาจัดที่นี่
การทำแบบนี้จะทำให้มีรายได้หรือมาร์จิ้นเพิ่มจากโรงหนังธรรมดาด้วย ปกติโรงที่ 4 นี้มีรายได้เฉลี่ย 60,000 บาทต่อวัน และยังต้องแบ่งส่วนแบ่งให้ค่ายหนังด้วย แต่ปรับเป็นอีสปอร์ตจะมีการเหมาค่าเช่าพื้นที่พร้อมอุปกรณ์เต็มระบบรองรับผู้เล่น 60 ที่นั่ง และผู้ชมอีกกว่า 200 ที่นั่ง คิดเหมาทั้งวัน 200,000 บาท ถ้าช่วงไหนไม่มีการจัดอีสปอร์ตก็ยังฉายหนังได้เหมือนเดิม