xs
xsm
sm
md
lg

“เพซ”มอบสิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์ “Lagardère Travel Retail” เปิดดีนแอนด์เดลูก้าในจุด Travel Retail ทั่วโลก ตั้งเป้าเปิด 150 สาขาภายใน 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดีน แอนด์ เดลูก้า 2 สาขาแรกเปิดให้บริการแล้ว ณ สนามบินนานาชาติ ฮ่องกง ตั้งเป้าเปิด 150 สาขาในสนามบินทั่วโลกภายใน 5 ปี Lagardère Travel Retail เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญและมีอิทธิพลด้านธุรกิจรีเทลการท่องเที่ยว

ดีน แอนด์ เดลูก้า แบรนด์อาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ระดับไอคอนจากนิวยอร์ก ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ Lagardère Travel Retail ให้เอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์เพื่อดำเนินการขยายร้านดีน แอนด์ เดลูก้าในจุด Travel Retail ทั่วโลก ตั้งเป้าเปิด 150 สาขาภายในระยะเวลา 5 ปี โดยเริ่มจาก 2 สาขาแรกที่สนามบินนานาชาติ ฮ่องกง ซึ่งได้เปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ Lagardère Travel Retail เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจรีเทลการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านค้าประมาณ 4,400 ร้านในหมวดหมู่สินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดิวตี้ฟรี และธุรกิจร้านอาหารและคาเฟ่ในสนามบิน สถานีรถไฟ รวมถึงพื้นที่สัมปทานการท่องเที่ยวอื่นๆ จำนวน 800 ร้าน ใน 34 ประเทศทั่วโลก โดยดีน แอนด์ เดลูก้า จะเข้ามาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายพอร์ตธุรกิจอาหารในสนามบินของ Lagardère Travel Retail

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทไทยที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้า ทั่วโลก กล่าวว่า “นับตั้งแต่การเข้าซื้อแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้าเมื่อปี 2557 เราได้คิดค้นพัฒนารูปแบบธุรกิจและต่อยอดความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของแบรนด์ที่มีมาอย่างยาวนานให้เติบโตไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรีเทลอาหารและเครื่องดื่มกูร์เมต์ ร้านในรูปแบบมาร์เกตและคาเฟ่ ซึ่งทุกวันนี้แบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้า ได้รับการยอมรับและชื่นชอบจากนักชิมและคอกาแฟทั่วโลกเป็นอย่างมาก”

นายสรพจน์กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันธุรกิจการท่องเที่ยวทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกให้กับหลายๆ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งรวมถึงธุรกิจรีเทลอาหารและเครื่องดื่ม ดังที่เห็นได้จากความสำเร็จของดีน แอนด์ เดลูก้า ที่ได้เปิดให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้ง 2 สาขาที่สามารถทำยอดขายและรายได้มากกว่าสาขาอื่นๆ ที่อยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยความร่วมมือนี้ ดีน แอนด์ เดลูก้าจะสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ไปทั่วโลกโดยอาศัยเครือข่ายของ Lagardère Travel Retail โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจและการเงินในระยะยาวกับเรา ทาง Lagardère Travel Retail ยังได้แสดงความสนใจที่จะนำสินค้ารีเทลแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้าไปขายในโลเกชันต่างๆ ที่ทางบริษัทฯ มีเน็ตเวิร์กทั่วโลกอีกด้วย”


Dag Rasmussen ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lagardère Travel Retail กล่าวว่า “ความก้าวหน้าของเราในด้าน Foodservices นั้นมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการได้ร่วมมือทางธุรกิจกับดีน แอนด์ เดลูก้านั้นชี้ให้เห็นแล้วว่าเราบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ในการตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทาง ของสนามบิน และของแบรนด์ที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ เราต้องขอขอบคุณคุณสรพจน์และแบรนด์ดีน แอนด์ เดลูก้า ที่ให้ความไว้วางใจแก่ Lagardère Travel Retail ในการต่อยอดแบรนด์ระดับโลกนี้ไปในส่วนของธุรกิจ travel retail และเรามั่นใจว่าเราจะสามารถส่งมอบความสำเร็จอย่างที่ดีน แอนด์ เดลูก้า ตั้งความหวังไว้ได้”

สำหรับร้านทั้ง 2 สาขาที่เปิดให้บริการที่สนามบินฮ่องกงเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นเป็นร้านแฟรนไชส์ในคอนเซ็ปต์ใหม่ที่คงความเป็นดีน แอนด์ เดลูก้า พร้อมให้บริการอาหารและสินค้าที่คัดสรรมาสำหรับผู้โดยสารสายการบินโดยเฉพาะ รวมถึงอาหารกล่องสไตล์เบนโตะหลากหลายเมนูในรูปแบบ Grab and Go ที่ถือเป็นทางเลือกคุณภาพเมื่อเทียบกับอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่องบิน

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่จำหน่ายที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงได้รับการคัดสรรอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแซนด์วิช ขนมปังต่างๆ สลัด พาสตา รวมไปถึงกาแฟและเครื่องดื่มชนิดพิเศษที่ได้รับการตระเตรียมอย่างประณีตพิถีพิถัน ณ จุดขาย พร้อมสินค้ารีเทลที่เป็นที่ชื่นชอบอื่นๆ ให้ลูกค้าเลือกซื้อก่อนขึ้นเครื่องอีกด้วย

“ความร่วมมือกับ Lagardère ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จในการดำเนินงานร้านอาหารในสนามบินและขนส่งสาธารณะทั่วโลก รวมถึงการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานระดับสูง ทำให้เรามั่นใจว่า Lagardère ในฐานะพันธมิตรด้านเอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์ของเราจะไม่เพียงแค่สร้างแบรนด์ให้ขยายไปในระดับโลกเท่านั้น แต่จะยังช่วยรักษาคุณภาพและมาตรฐานอันเป็นเลิศของดีน แอนด์ เดลูก้า ไว้ได้อีกด้วย” นายสรพจน์กล่าวทิ้งท้าย

เมื่อเร็วๆ นี้ เพซได้เซ็นสัญญากรอบข้อตกลงในการให้สิทธิแฟรนไชส์หลักแต่เพียงผู้เดียวของ ‘ดีน แอนด์ เดลูก้า’ แก่ Kinghill Overseas Holding Limited (Kinghill) บริษัทย่อยในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการเปิดร้านดีน แอนด์ เดลูก้า ในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยตั้งเป้าขยาย 500 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี

ปัจจุบันดีน แอนด์ เดลูก้า มีสาขาทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 72 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาที่เป็นแฟรนไชส์จำนวน 34 สาขา ใน 10 ประเทศ และเพซฯ เป็นเจ้าของกิจการในสหรัฐอเมริกาจำนวน 6 สาขา ในประเทศไทยจำนวน 11 สาขา และยังถือหุ้นร้อยละ 50 ในดีน แอนด์ เดลูก้า แบบคาเฟ่ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 21 สาขา อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยสาขาที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ได้แก่ สาขาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการภายในเดือนตุลาคม 2561


กำลังโหลดความคิดเห็น