“ไออาร์พีซี” ลุ้นปี 63 มี EBITDA สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.9 หมื่นล้านบาท เหตุได้รับอานิสงส์ IMO บังคับการเดินเรือใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำในต้นปี 63 ซึ่งมีเพียงโรงกลั่นไออาร์พีซีแห่งเดียวผลิตได้กว่า 1 แสนตันต่อปี และโครงการไออาร์พีซี 4.0 ที่นำดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีเป็นเพียงโรงกลั่นเดียวในประเทศไทยที่ได้รับอานิสงส์จากกรณีที่องค์การทางเรือระหว่างประเทศ (IMO) ได้กำหนดให้สายการเดินเรือต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงกำมะถันต่ำ หรือน้ำมันเตากำมะถันต่ำ (Low Sulfur Fuel Oil) ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2563 เนื่องจากโรงกลั่นไออาร์พีซีสามารถผลิตน้ำมันเตากำมะถันต่ำ 0.5% เพื่อใช้ในสายการเดินเรือได้
ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงและติดตั้งท่อส่ง คาดว่าจะดำเนินการผลิตน้ำมันเตากำมะถันต่ำได้ในกลางปี 2562 โดยจะมีการผลิตน้ำมันเตากำมะถันต่ำปริมาณกว่า 1 แสนตัน/ปี ช่วยสร้างรายได้และกำไรให้บริษัทเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันเตากำมะถันต่ำจะมีราคาอยู่ระหว่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันดีเซลซึ่งมีมาร์จินดีกว่าน้ำมันเตาทั่วไป ถือเป็นปัจจัยบวกหนุนให้บริษัทบรรลุเป้าหมายบริษัทที่มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBTDA) ราว 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2563
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการไออาร์พีซี 4.0 เพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยวางเป้าหมายสร้างรายได้ก่อนภาษีและดอกเบี้ย (EBIT) เพิ่มขึ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3 พันกว่าล้านบาทในปี 2563 ซึ่ง EBIT ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าวนี้จะเสริมเป้า EBITDA ทำได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิมด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาต่างประเทศเข้ามาช่วยในการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลจากปัจจุบันที่ดำเนินการอยู่ซึ่งจะพลิกโฉมบริษัทให้เป็นผู้นำด้านดิจิทัลในกลุ่มปิโตรเคมีภายในปี 2563
โดยโครงการไออาร์พีซี 4.0 ได้แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นการจัดทำตามแผนการดำเนินงานซึ่งเสร็จในช่วง เม.ย.ที่ผ่านมา และระยะสองเป็นการรวบรวมข้อมูล วางระบบ และดำเนินตามแผนงานรวมทั้งสิ้น 29 โครงการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2562
นายสุกฤตย์กล่าวว่า บริษัทฯ วางเป้าหมาย EBITDA เติบโตปีละ 10-15% จนถึงปี 2563 ทำให้ได้ EBITDA ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท จากราว 2 หมื่นล้านบาทในปี 2560 ตามแผนการดำเนินงานกลยุทธ์ Power Three ที่ประกอบด้วย Power of Growth ,Power of Digital และ Power of People