“คมนาคม” จัดกลุ่มลงทุนรถไฟทางคู่เฟส 2 กว่า 3.5 แสนล้าน ดันเติมเต็มโครงข่ายเส้นทางภาคอีสานชง สศช.ก่อน ส่วนชุด 2 เป็นโครงข่ายสายเหนือ “วรวุฒิ” คาด ครม.อนุมัติปลายปี 61 เริ่มทยอยเปิดประมูล และลงนามก่อสร้างในต้นปี 62 หวังเส้นทางขอนแก่น-หนองคายเชื่อมแหลมฉบังและ EEC กับลาวเพิ่มขีดการขนส่งสินค้าตามยุทธศาสตร์ชาติ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 จำนวน 7 เส้นทาง และสายใหม่ 1 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,851 กม. วงเงิน 354,091.03 ล้านบาท ว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณาอนุมัติ โดยรถไฟทางคู่เฟส 2 เป็นโครงข่ายหลักของระบบรถไฟที่จะต้องเติมเต็มให้สมบูรณ์จากเฟสแรก ขณะที่การลงทุนอาจจะต้องมีการจัดลำดับเพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังทำกลุ่มในการนำเสนอ
กลุ่มแรก จะเสนอโครงข่ายเพื่อเติมเต็มเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เส้นทางขอนแก่น-หนองคาย 174 กม. วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 309 กม.วงเงิน 35,839.74 ล้านบาท และสายใหม่ บ้านไผ่-นครพนม ระยะทาง 355 วงเงิน 60,351.91 ล้านบาท
กลุ่มที่สอง เป็นสายเหนือที่ยังขาดอยู่ คือ ปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท และเด่นชัย-เขียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 59,992.44 ล้านบาท และเส้นทางปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 56,066.25 ล้านบาท
ส่วนเส้นทางสายใต้จะเสนอเป็นลำดับต่อไป ได้แก่ ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 23,384.91 ล้านบาท, สุราษฎร์ธานี-สงขลา ระยะทาง 339 กม. วงเงิน 51,823.83 ล้านบาท , หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 75 กม. วงเงิน 7,941.80 ล้านบาท, ซึ่ง สศช.จะพิจารณาเพื่อจัดลำดับการลงทุนต่อไป
“กระทรวงคมนาคมได้ศึกษาจัดทำแผนโครงการที่เป็นโครงข่ายที่เกิดการเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบ เพราะการก่อสร้างในแต่ละโครงการจะแล้วเสร็จไม่พร้อมกัน” นายอาคมกล่าว
ด้านนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า คาดว่าจะทยอยนำเสนอโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในปีนี้ และเริ่มเปิดประมูลในต้นปี 62 และลงนามสัญญาก่อสร้างในไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป ขณะที่เห็นว่าในการจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางจะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ประเทศ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เพิ่มความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารทางราง ดังนั้นควรเติมโครงข่ายจากขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้าและผู้โดยสารเชื่อมกับเส้นทางช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เชื่อมท่าเรือแหลมฉบัง พื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ไปยังภาคอีสาน และเชื่อมไปลาวและจีนได้ในอนาคต