ผู้จัดการรายวัน 360 - “เอ็นพีพีจี/NPPG” ปักหลักกลุ่มอาหาร รุกขยายสร้างอีกอาณาจักร ลุยซื้อกิจการแบรนด์ดัง พร้อมใกล้สรุปดีล ดีนแอนด์เดลูก้า ขณะที่อีก 2 แบรนด์มิสเตอร์โจนส์กับมิยาบิรอปรับกลยุทธ์ใหม่คาดปีหน้าลงตัวเริ่มได้ ส่วนแบรนด์เอแอนด์ดับบลิวเรือธงกลุ่มฟูดลุยเต็มที่หลังจากปรับกลยุทธ์เรียบร้อย ส่งโมเดลเอ็กซ์เพรสเจาะรถไฟฟ้าใต้ดิน
นายธวัช วรรธนพิเชษฐ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPPG ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ และผู้ลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายขยายธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้รวมขยับขึ้น 2 เท่า หรือประมาณ 400 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีประมาณ 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของรายได้รวมทั้งกลุ่ม ภายใน 4 ปี
ทั้งนี้ จะใช้กลยุทธ์ในการซื้อกิจการแบรนด์เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความสนใจหลายแบรนด์และมีการเจรจากันบ้าง ส่วนล่าสุดกับกรณีของดีลร้านดีนแอนด์เดลูก้าที่บริษัทฯ สนใจเข้าซื้อกิจการ ซึ่งได้ผ่านการเซ็นเอ็มโอยูกับผู้จะขายสิทธิ์แล้ว อยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียดต่างๆ
สำหรับแบรนด์ร้านอาหารที่มีอยู่ในขณะนี้มี 3 แบรนด์ ประกอบด้วย เอแอนด์ดับบลิว, มิสเตอร์โจนส์ (อาหารและเบเกอรี) และมิยาบิ (ปิ้งย่าง) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการซื้อสิทธิ์มาทั้งสิ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้ปรับกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจของเอแอนด์ดับบลิวเรียบร้อยอยู่ในช่วงของการรุกธุรกิจ ขณะที่อีก 2 แบรนด์ คือ มิสเตอร์โจนส์ที่ขณะนี้ปิดบริการไปก่อนตั้งแต่ซื้อมา กับ มิยาบิ เปิดบริการเพียง 3 สาขา ยังไม่ได้ทำอะไรมากนัก รอช่วงเวลาปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ ทั้งการรีโพซิชันนิ่ง การรีเฟรชแบรนด์ การวางแผนตลาดและการลงทุนใหม่ คาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า (2562) โดยแต่ละแบรนด์จะมีทีมงานแยกต่างหาก
นายธวัชกล่าวต่อในส่วนของแบรนด์เอแอนด์ดับบลิวว่า ได้วางแผนระยะยาวไว้ภายในปี 2563 จะเปิดให้ได้ครบ 100 สาขา จากปัจจุบันมีเปิดบริการแล้ว 37 สาขา ซึ่งเป็นการลงทุนเองทั้งหมด และคาดว่าภายในสิ้นปี 2561 นี้จะมีครบ 45 สาขา ซึ่งส่วนใหญ่เน้นสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งในศูนย์การค้า สแตนด์อะโลน ปั๊มน้ำมัน คอมมูนิตีมอลล์ และสถานีขนส่งมวลชน เป็นต้น โดยปีนี้วางแผนจะเปิดใหม่ประมาณ 10-15 สาขา ซึ่งสาขามาตรฐานจะลงทุนประมาณ 4.25-6 ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัวโมเดลใหม่ เอแอนด์ดับบลิว เอ็กซ์เพรส (A&W Express) คอนเซ็ปต์ Grab & Go ซึ่งจะเป็นสาขาที่มุ่งเน้นให้บริการแก่ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT เป็นหลัก โดยภายในปี 2561 วางเป้าหมายมีสาขา A&W Express จำนวน 3 สาขา ในพื้นที่ Metro Mall ที่เปิดแล้ว คือ เพชรบุรี สุขุมวิท และพระรามเก้า โดยเริ่มสาขาแรกใน MRT เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นศูนย์ชอปปิ้งขนาดย่อมภายในพื้นที่ให้บริการของ MRT และเตรียมเปิดสาขา A&W Express สาขาที่ 4 ในสถานีสวนจตุจักรในปี 2562 และมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของรถไฟฟ้า MRT ในอนาคต ซึ่งมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการของ Metro Mall อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ A&W Express คือผู้สัญจรด้วยรถไฟฟ้า MRT ซึ่งมีพฤติกรรมการจับจ่ายในรูปแบบ Take Away เป็นส่วนมาก นอกจากนี้ยังรวมถึงพนักงานออฟฟิศที่ทำงานบริเวณใกล้เคียงกับสถานีบริการของรถไฟฟ้า MRT ที่ต้องการมื้ออาหารที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล และหาซื้อได้สะดวกรวดเร็วในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งการให้บริการในพื้นที่ Metro Mall ล้วนตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
"ในสถานีที่มีรถไฟฟ้า MRT ที่มีพื้นที่บริการของ Metro Mall ส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่ผู้คนสัญจรจำนวนมาก เฉพาะสายสีน้ำเงินก็มีผู้คนสัญจรเฉลี่ย 7 แสนคนต่อวัน มีร้านค้าต่างๆ ที่เป็นแม่เหล็กดึงความสนใจของลูกค้าอยู่แล้ว การที่เราเลือกเปิดสาขา A&W Express ในสถานีรถไฟฟ้า MRT ที่มี Metro Mall จะทำให้เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้เพิ่มขึ้น ในเบื้องต้นคาดการณ์จำนวนผู้เข้าใช้บริการในสาขา A&W Express 150-200 คนต่อวันต่อสาขา" นายธวัชกล่าว
ในส่วนของเงินลงทุนต่อสาขานั้น สืบเนื่องจากสาขาแบบ A&W Express มีพื้นที่บริการกะทัดรัดเหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มุ่งเน้นการแวะซื้อสินค้าและเดินทางต่อ จึงใช้เงินลงทุนไม่มากประมาณ 1.5-2.5 ล้านบาทต่อสาขา และคาดหวังว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี
ส่วนเมนูอาหาร A&W Express เน้นขายอาหารชุด เลือก Main เมนูในเซตก่อน (ปลาลุยสวน, ไก่ทอดต้มยำ, ลาบไก่ย่าง) ตามด้วยเมนูรับประทานคู่เมนูหลัก (ข้าว, วาฟเฟิล, สปาเกตตี) โดยทุกเมนูจะเสิร์ฟพร้อมสลัดผักที่มีน้ำสลัดให้เลือกถึง 2 รสชาติ สามารถเลือกรับประทานในร้านและแบบ Take a way
อย่างไรก็ตาม โมเดลเอ็กซ์เพรสนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มทดลองเปิดในศูนย์การค้าก่อนที่แฟชั่นไอส์แลนด์เป็นแห่งแรก ปัจจุบันมีในศูนย์การค้ารวม 3 สาขา เช่น สตรีทรัชดาภิเษก เมื่อรวมแล้วขณะนี้โมเดลเอ็กซ์เพรสจะมี 6 สาขา
นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด หรือบีเอ็มเอ็น ผู้บริหารพื้นที่ค้าปลีกในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีหรือเมโทรมอลล์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาเมโทรมอลล์ในทุกสถานีของเอ็มอาร์ทีที่มีความเหมาะสมพัฒนาได้ ซึ่งขณะนี้มี 18 สถานีรถไฟฟ้า แต่มีเมโทรมอลล์เปิดบริการแล้ว 9 แห่ง รวมพื้นที่ค้าปลีกกว่า 10,000 ตารางเมตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในสถานีลาดพร้าวกับสถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการรีโนเวตสถานีจตุจักรด้วยงบกว่า 25 ล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดบริการในต้นปีหน้า (2562) อีกทั้งเตรียมที่จะปรับปรุงสถานีพหลโยธินด้วย