xs
xsm
sm
md
lg

“ไมเนอร์กรุ๊ป”โฟกัสขยาย3ธุรกิจ เดินหน้าซื้อหุ้นเอ็นเอชให้ได้55%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

วิลเลี่ยม ไฮเน็ค
ผู้จัดการรายวัน360 - “ไมเนอร์กรุ๊ป” เดินตามแผน 5 ปีทุ่มแสนล้านบาท โฟกัส 3 กลุ่มธุรกิจหลักเดิม ไม่แตกแถว พร้อมลุยธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อยอดได้ ลุยทุกรูปแบบทั้งลงทุนเอง ร่วมทุน ซื้อกิจการ รับไลเซ่นส์ ดันรายได้โตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี

นายวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือไมเนอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า ไมเนอร์กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ 5 ปี (2560-2564) โดยเน้นการลงทุนและขยายกิจการใน 3 กลุ่มหลักเดิม คือ 1.โรงแรม และสันทนาการ 2.อาหาร และ 3.ไลฟ์สไตล์ ด้วยวงเงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท ในทุกรูปแบบทั้ง การพัฒนาขึ้นมาเอง การร่วมลงทุน การเทคโอเวอร์หรือซื้อกิจการ การรับไลเซ่นส์แบรนด์ โดยต้องมีรายได้รวมเติบโตประมาณ 10-15% ต่อปี

ทั้งนี้ การขยายธุรกิจด้วยการซื้อกิจการ ต้องขึ้นอยู่กับโอกาสและความเหมาะสม ซึ่งยังไม่ได้มีการตั้งงบลงทุนด้านนี้ไว้ ซึ่งปัจจุบันก็มีการเจรจาอยู่หลายดีล แต่การเจรจา 100 ดีลอาจจะสำเร็จได้เพียงแค่ 1 ดีลเท่านั้น นอกจากนั้นจะต้องมีการลงทุนด้านไอทีเทคโนโลยี ระบบต่างๆ เพื่อทันกับโลกยุคดิจิทัล
“การขยายธุรกิจต้องต่อยอดและเกี่ยวเนื่องกับ 3 กลุ่มธุรกิจเดิม เช่น การทำวิลล่า รีสอร์ทหรืออสังหาริมทรัพย์ ก็เกี่ยวเนื่องกับโรงแรม หรือการทำโรงงานผลิตวัตถุดิบอาหาร ก็เกี่ยวเนื่องกับกลุ่มอาหาร เป็นต้น โดยใช้คอนเซ็ปท์ของการทำมิกซ์ยูส ” นายวิลเลี่ยม กล่าว
วิลเลี่ยม ไฮเน็ค
โดยกลุ่มโรงแรม ดีลใหญ่ที่สุดก็คือ การเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเอ็นเอช โฮเท็ล กรุ๊ป จำนวน 45% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเอ็นเอช เป็นกลุ่มผู้ในธุรกิจโรงแรมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาดริด สเปน ซึ่งต้องใช้วงเงินประมาณ 40,000 กว่าล้านบาท แต่ ไมเนอร์กรุ๊ป มีแผนที่จะเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่านี้หรือประมาณ 51%-55% ซี่งจะต้องใช้งบประมาณมากกว่าเดิมหรือประมาณ 48,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์
สำหรับกลุ่มเอ็นเฮชโฮเต็ล กรุ๊ป นี้ ดำเนินธุรกิจโรงแรมมากกว่า 380 แห่ง และมีจำนวนห้องพักเกือบ 60,000 ห้อง ภายใต้แบรนด์ เอ็นเอชคอลเลคชั่น, เอ็นเอชโฮเต็ล, เอ็นฮาว และ เฮลพีเรีย ใน 30 ประเทศ ในทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา
ปัจจุบันไมเนอร์กรุ๊ปมีโรงแรมทั้งลงทุนเองและร่วมทุน 164 แห่ง เช่น อนันตรา ,อวานี ,แมริออท ,โฟร์ซีซั่นส์ ,เรดิสัน บลู และโรงแรมในกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลใน 26 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาใต้ เป็นต้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหาร จะมีการขยายตัวรูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น ราการพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อให้แบรนด์ทันสมัยและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น และหาโอกาสซื้อแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาด้วย ปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารรวมกว่า 2,100 สาขา ใน 27 ประเทศ เช่น แบรนด์เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ,สเวนเซ่นส์ ,ซิซซ์เลอร์ ,เบอร์เกอร์ คิง ,เดอะ คอฟฟื่ คลับ เป็นต้น

ส่วนกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและนำเข้าสินค้าตางๆ จะขยายตัวด้วยการสร้างแบรนด์ของเครือขึ้นมาบ้าง ขยายตลาดขอสิทธิ์จำหน่ายในต่างประเทศด้วย จากขณะนี้จะทำตลาดเฉพาะในไทยเท่านั้น และขายผ่านออนไลน์มากขึ้น ปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายแบรนด์ เช่น แก๊ป, บานาน่า รีพับลิค, บรูคส์ บราเธอร์ส, เอสปรี, บอสซินี่, โอวีเอส, ชาร์ล แอนด์ คีธ, อะเนลโล่ เป็นต้น

ปัจจุบันไมเนอร์กรุ๊ป มีธุรกิจครอบคลุมถึง 64 ประเทศ ใน 5 ทวีปทั่วโลก และมีมูลค่าของบริษัทตามราคาตลาดมากว่า 170,000 ล้านบาท หรือ 5.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีพนักงานมากกว่า 80,000 คนทั่วโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น