“อุตตม” ขีดเส้นหน่วยงานที่ดูแลเอสเอ็มอีสรุปผลความช่วยเหลือในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก่อนที่จะนำมาปรับแกคเกจช่วยเอสเอ็มอีเฟส 2 ชง ครม.พ.ย.นี้ เล็งขยายวงเงินคูปองเครื่องมือประกันความเสี่ยงค่าเงินเอสเอ็มอีเป็น 5 หมื่นบาท หลัง 8 เดือนร่วมโครงการน้อยสั่งปรับแผนให้เข้าถึงมากขึ้น ด้าน “สอน.” จ่อชง “อุตตม” ถกพลังงานดันใช้เอทานอลเพิ่มค่าอ้อยหวังปูพรมช่วยเกษตรกรทั่วประเทศ
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่กำกับดูแลวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เร่งสรุปผลมาตรการช่วยเหลือในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาว่าประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมมากน้อยเพียงใดซึ่งให้สรุปภายใน ก.ย.นี้ จากนั้นจะนำมาพิจารณาจัดทำมาตรการส่งเสริมเอสเอ็มอีระยะ 2 ที่จะประกอบด้วยการช่วยเหลือด้านสินเชื่อ และมาตรการที่ไม่ใช่สินเชื่อ อาทิ เครื่องมือประกันความเสี่ยงค่าเงิน โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน พ.ย.นี้
สำหรับเครื่องมือประกันความเสี่ยงค่าเงิน (เฮดจิ้ง) สำหรับเอสเอ็มอี ล่าสุดมีการหารือร่วมกับตัวแทนจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ และตัวแทนสมาคมธนาคารไทย ถึงความคืบหน้าการจัดทำเครื่องมือประกันความเสี่ยงค่าเงิน โดย ธสน.เสนอให้มีการเพิ่มวงเงินคูปองประกันความเสี่ยงเป็น 50,000 บาท จากปัจจุบัน 30,000 บาท เพื่อกระตุ้นเอสเอ็มอีให้มีการประกันความเสี่ยงค่าเงินมากขึ้น โดยได้ให้ ธสน.ไปจัดทำรายละเอียดและกลับมาเสนอตนอีกครั้งก่อนเสนอ ครม.
“ธสน.ได้รายงานผลดำเนินงานโครงการการจัดเครื่องมือประกันความเสี่ยงสำหรับเอสเอ็มอีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560-มิถุนายน 2561 พบว่ามีเอสเอ็มอีที่ทำนำเข้าและส่งออกที่เข้าร่วมโครงการเพียง 2,600 ราย คิดเป็นมูลค่าการทำประกัน 55 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเอสเอ็มอีทั่วประเทศที่นำเข้าและส่งออกรวม 56,000 ราย แสดงให้เห็นว่าผลตอบรับจากเอสเอ็มอีที่ร่วมโครงการยังน้อย โดยจากแบบประเมินผลพบว่าความเข้าใจของเอสเอ็มอียังน้อยจึงต้องปรับแผนการทำงาน ให้ความรู้ จะไม่เน้นแค่กลุ่มที่มีโอกาสทำเฮดจิ้งเท่านั้น แต่ลงไปถึงเอสเอ็มอีทั่วไปที่เริ่มหรือสนใจส่งออก ขณะเดียวกันก็จะมีการให้ความรู้ด้านอื่น อาทิ ระบบบัญชีเดียว” นายอุตตมกล่าว