ผู้จัดการรายวัน 360 - มาลีกรุ๊ปเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งองค์กร ขยายฐานธุรกิจใหม่ครั้งแรกในรอบ 40 ปีสู่ตลาดเครื่องใช้ส่วนบุคคล เปิดบริษัท มาลี คีโน่ ประเทศไทย จำกัด ร่วมทุนกับยักษ์ใหญ่สินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของอินโดนีเซีย นำเข้า 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดผิวหน้า ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม และผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปากและฟัน จับมือ บริษัท ซีพี คอนซูเมอร์โพรดักส์ จำกัด ผลักดันการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าครอบคลุมทั่วประเทศ
นายโอภาส โลพันธ์ศรี ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการขายและการตลาด บริษัท มาลี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การขยายฐานธุรกิจใหม่สู่ตลาดเครื่องใช้ส่วนบุคคลในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่และท้าทายของมาลีกรุ๊ป ที่เน้นตลาดอาหารและเครื่องดื่มมาตลอด 40 ปี ซึ่งเป็นการต่อยอดการขยายฐานธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตขององค์กร ผ่านการร่วมทุนกับบริษัท พีที คีโน่ อินโดนีเซีย (PT Kino Indonesia Tbk)
ทั้งนี้ พันธมิตรดังกล่าวมีจุดแข็งด้านสินค้าอุปโภคบริโภคที่อินโดนีเซียในตลาดเครื่องใช้ส่วนบุคคล อาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยา เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้ง 2 ประเทศด้วยกำลังซื้อรวมกว่า 330 ล้านคน ตามกลยุทธ์การขยายตลาดด้วยการจับมือกับบริษัทพาร์ตเนอร์ชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงช่องทางขายและการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคลมีมูลค่าตลาด 154,000 ล้านบาท (ข้อมูลจาก ยูโรมอนิเตอร์ ณ เดือน มีนาคม 2018) โดยทั้ง 3 ตลาดที่มาลี คีโน่ เลือกนำมาเปิดตลาดถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคตามเทรนด์การดูแลตัวเอง ประกอบด้วย 1) ผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดผิวหน้า 2) ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม และ 3) ผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปากและฟัน ด้วยมูลค่าทางการตลาดที่ 70,000 ล้านบาท 29,000 ล้านบาท และ 8,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 6.1% 6.3% และ 7.2% ตามลำดับ
1) กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงและทำความสะอาดผิว ในเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ได้แก่ โอแวล ไมเซลลาร์ คลีนซิ่ง วอเตอร์ (OVALE Micellar Cleansing Water) มี 2 สูตร ได้แก่ สูตรไบรเทนนิ่ง (สำหรับผิวปกติ) และสูตรไบรเทนนิ่งฟอร์แอคเน่ สกิน (สำหรับผู้มีปัญหาสิว) ในขนาด 100 มล. ราคา 75 บาท
2) กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมแบรนด์เอลิปส์ (ellips) ใน 3 ประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เอลิปส์ แฮร์ วิตามิน โปร เคราติน คอมเพล็กซ์ (ellips Hair Vitamin Pro-Keratin Complex) มี 3 สูตร ได้แก่ สูตรแฮร์รีแพร์ สูตรสมูทแอนด์ซิลกี้ และสูตรซิลกี้แบล็ก ในขนาดแผง 6 แคปซูล และกระปุก 50 แคปซูล ราคา 49 บาท และ 400 บาท ตามลำดับ
- เอลิปส์ แฮร์ มาสก์ โปร เคราติน คอมเพล็กซ์ (ellips Hair Mark Pro-Keratin Complex) มี 3 สูตร ได้แก่ สูตรแฮร์รีแพร์ สูตรสมูทแอนด์ซิลกี้ และสูตรซิลกี้แบล็ก ในขนาด ซอง 18 กรัม และ หลอด 120 กรัม ราคา 39 บาท และ 189 บาท ตามลำดับ
- เอลิปส์ ดราย แชมพู (ellips Dry Shampoo) มี 4 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นบลอสซัม กลิ่นฟรุตตี้ กลิ่นบรีซ และกลิ่นเอ็กโซติก ในขนาด 50 มล. และ 200 มล. ราคา 115 บาท และ 229 บาท ตามลำดับ
3) กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปากและฟัน ในเซกเมนต์ผลิตภัณฑ์ยาสีฟัน ได้แก่ ยาสีฟันสมุนไพร ซาซ่า (Sasha Herbal Toothpaste) มี 2 สูตร ได้แก่ สูตรสมุนไพร (หลอดสีทอง) และสูตรไวเทนนิ่ง (หลอดสีขาว) ในขนาด 65 กรัม ราคา 59 บาท
“เตรียมพบผลิตภัณฑ์ในเครือมาลี คีโน่ ประเทศไทย ที่พร้อมนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้ผู้บริโภคไทยได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ในห้างสรรพสินค้ากลุ่มความงามและเครื่องสำอาง เช่น EVEANDBOY, Beautrium, Hej Street Beauty และมีแผนจะเพิ่มช่องทางไปยังห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อชั้นนำต่างๆ ในอนาคต”
“เรามั่นใจว่าการขยายฐานธุรกิจสู่ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ใช้ง่าย ผลิตภัณฑ์ที่ทำความสะอาดผิวหน้า ริมฝีปาก และรอบดวงตาได้ครบในขวดเดียว และยาสีฟันที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรจากที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน รวมทั้งการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศจากบริษัท ซีพี คอนซูเมอร์โพรดักส์ จำกัด
จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวไทย และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างแน่นอน” นายโอภาสกล่าวทิ้งท้าย