ผู้จัดการรายวัน 360 - “สยามพิวรรธน์” ดึง “ไอสไตล์ อิงก์” บิวตี้รีเทลจากญี่ปุ่นเข้ามาตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ปั้นแบรนด์ @COSME `รุกตลาดสเปเชียลตี้สโตร์ความงามในไทย ลุยทุกช่องทาง ทั้งหน้าร้าน อี-คอมเมิร์ซ มีเดีย เป้าเปิด 5 สาขาใน 3 ปี นำร่องที่ไอคอนสยาม แฟลกชิปสโตร์
นายฮาจิเมะ เอนโดะ รองประธานอาวุโส กิจการบริการด้านความงามของไอสไตล์ อิงก์ จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทในกลุ่มสยามพิวรรธน์เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งกลุ่มไอสไตล์ของญี่ปุ่นถือหุ้น 70% และกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ถือหุ้น 30% จากทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกและเว็บไซต์ความงามชื่อ @COSME ในประเทศไทย ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่ 5 ที่กลุ่มไอสไตล์ขยายธุรกิจ หลังจากเริ่มธุรกิจเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้
บริษัทฯ จะทยอยรุกตลาดในหลายโมเดล ทั้งการเปิดหน้าร้านหรือสโตร์ การเปิดเว็บไซต์ขายผ่านอี-คอมเมิร์ซ มีเดียมาร์เกตติ้ง และการเปิดแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นโมเดลที่ในญี่ปุ่นดำเนินการอยู่แล้ว
“ตลาดความงามในประเทศไทยตอนนี้คล้ายกับญี่ปุ่นเมื่อ 11 ปีที่แล้ว และไทยเองก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จอย่างดี โดยที่เรามองว่าแม้ว่าไทยจะมีร้านขายเครื่องสำอางแบบมัลติแบรนด์จำนวนมากก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีใครที่เหมือนเรา โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเอาทุกแบรนด์มาจัดอันดับต่างๆ เช่น ยอดขายหรืออันดับความนิยมจากลูกค้า เป็นต้น” นายฮาจิเมะกล่าว
แผนลงทุนในไทย ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดร้านค้าปลีก @COSME ประมาณ 5 สาขา ภายใน 3 ปีจากนี้ ซึ่งสาขาแรกของร้าน @cosme store ซึ่งจะเป็นแฟลกชิปสโตร์ในประเทศไทยตั้งอยู่ที่ไอคอนสยาม จะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 300 ตารางเมตร คาดว่าจะสามารถเปิดบริการภายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 นี้ ส่วนสาขาที่สองจะเปิดที่สยามเซ็นเตอร์
ปัจจุบันเว็บไซต์ @cosme มีรีวิวจากผู้บริโภคมากกว่า 14 ล้านรีวิว ครอบคลุมเครื่องสำอางกว่า 300,000 รายการ จาก 32,000 แบรนด์ เป็นแหล่งข้อมูลที่มีความหลากหลายและเชื่อถือได้สำหรับผู้บริโภคทุกคน และได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาจากผู้บริโภคมาต่อยอดสร้างเป็นพื้นที่ขายสินค้า
ร้านทั้งหมดมี 25 สาขาในประเทศญี่ปุ่น และเมื่อปีที่แล้ว (2560) ได้เริ่มขยายออกไปยังประเทศอื่นๆ โดยเปิดสาขาแรกในต่างประเทศ ที่เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ในเดือนพฤษภาคม 2560 และได้เปิดร้าน ‘@cosme store’ เพิ่มอีก 4 สาขา ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา ในไต้หวัน และฮ่องกง
กลุ่ม istyle ของประเทศญี่ปุ่นมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมียอดขายรอบปีบัญชีที่สิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2561 อยู่ที่ประมาณ 8,557 ล้านบาท (28,470 ล้านเยน) ซึ่งเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดจากปีก่อนถึง 50.7%
ร้านแฟลกชิปสโตร์ของ @cosme ในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ กรุงโตเกียว มียอดขายมากกว่า 40 ล้านบาทต่อเดือน ในปี 2560 ซึ่งถือเป็นร้านสเปเชียลตี้สโตร์เครื่องสำอางที่มียอดขายสูงที่สุดในญี่ปุ่น
ร้าน '@cosme store' ทั่วไปจะมีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการรวมทุกร้านในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉลี่ยประมาณ 1 ล้านคนต่อเดือน ในร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประมาณ 7,000 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายใน '@cosme store' มีราคาตั้งแต่ 200 บาทถึงประมาณ 4,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเบสเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มียอดขายสูงถึงเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
สำหรับรายได้ของบริษัท ไอสไตล์ อิ้งก์ ญี่ปุ่น เมื่อปี 2560 ประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ แยกเป็น รายได้จากหน้าร้านและอี-คอมเมิร์ซ ประมาณ 110 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากมีเดีย 70 ล้านเหรียญสหรัฐ และจากต่างประเทศ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้รวม 360 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าปีหน้า (2562) จะมีรายได้รวมประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากในญี่ปุ่นเป็น 70% และจากต่างประเทศเป็น 30% ภายใน 3 ปีจากนี้
นางอุสรา ยงปิยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ รีเทล โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวว่า สยามพิวรรธน์มีกลยุทธ์หลักที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจด้วยการผนึกกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำทุกฝ่ายไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าปลีกและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
การผนึกกำลังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทที่มีแนวคิดสมัยใหม่และประสบความสำเร็จสูงอย่าง istyle Inc. สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของสยามพิวรรธน์ในฐานะที่เป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยในธุรกิจค้าปลีก และเป็นเจ้าแรกในการบุกเบิกนำเสนอคอนเซ็ปต์ค้าปลีกใหม่ๆ ตลอดจนนำเสนอสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอยู่เสมอ และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน นั่นเพราะคอนเซ็ปต์ค้าปลีกของ @cosme ซึ่งเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์และส่งต่อสู่การขายสินค้าไปยังหน้าร้าน (ออฟไลน์) ถือเป็นรูปแบบการค้าขายที่จะมาสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับคนไทย
อีกทั้งความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามใหม่ๆ คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนได้เข้าสู่ตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค
นางอุสรากล่าวเสริมว่า ธุรกิจ @cosme จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ ซึ่งปัจจุบันประกอบไปด้วยร้านค้า เช่น the Loft, ALAND ร้านไลฟ์สไตล์สัญชาติเกาหลี, ODS ร้านขายของตกแต่งบ้านแบบมัลติแบรนด์ และ CAZH ร้านค้าเครื่องแต่งกายสไตล์ลำลองแบบมัลติแบรนด์ เป็นต้น
นางอุสรากล่าวว่า “กิจการร่วมทุนครั้งนี้จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับสยามพิวรรธน์ ในการเติบโตจากการแตกไลน์ธุรกิจ นอกเหนือจากการเติบโตจากธุรกิจหลักคือการพัฒนาโครงการซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่มีชื่อเสียงระดับโลก”
“@cosme เป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากในประเทศญี่ปุ่น สร้างกระแสเขย่าวงการดูแลความงามมาตั้งแต่ก่อตั้ง โดยในจำนวนผู้หญิงญี่ปุ่นที่มีอายุ 20-30 ปี ในทุกๆ 3 คน จะมี 2 คนที่ใช้บริการเว็บไซต์นี้ในการหาคำแนะนำด้านความงาม ซึ่ง '@cosme store' ได้ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของเว็บไซต์ @cosme สร้างเป็นจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ สยามพิวรรธน์จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้นำเสนอปรากฏการณ์และความน่าตื่นเต้นของ @cosme นี้ ให้กับประเทศไทยเป็นครั้งแรก”