“อาคม” ตรวจการก่อสร้างสนามบินเบตง จ.ยะลา คืบหน้า 50% แล้ว กรมท่าอากาศยานเร่งอาคารที่พักผู้โดยสาร รองรับผู้โดยสาร 500,000 คนต่อปี คาดเปิดให้บริการได้ในต้นปี 63 รองรับการเดินทางในพื้นที่ชายแดนใต้และเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษจังหวัดใกล้เคียง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา เพื่อดูความก้าวหน้าการก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 50% โดยมีการขยายถนนออกไปเป็น 4 ช่องทาง เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการได้อย่างสมบูรณ์แบบ คาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดใช้บริการในต้นปี 2563 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และบริเวณจังหวัดใกล้เคียงทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ
นายดรุณ แสงฉาย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) สรุปความก้าวหน้าของโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลาว่า การก่อสร้างประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารมีความก้าวหน้า 28% งานก่อสร้างลานจอดเครื่องบิน มีความก้าวหน้า 50% งานก่อสร้างพื้นที่ทางขับ TAXIWAY มีความก้าวหน้า 42% งานก่อนสร้างพื้นที่ทางวิ่ง มีความก้าวหน้า 84% งานก่อสร้างถนนภายในโครงการ มีความก้าวหน้า 45% งานก่อนสร้างรั้วโครงการ มีความก้าวหน้า 50% งานดินตัด-ดินถมเพื่อปรับระดับพื้นที่ มีความก้าวหน้า 95%
ทั้งนี้ มีมติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 เห็นชอบให้ก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงในกรอบวงเงิน 1,900,000,000 บาท ระยะเวลาในการดำเนินการก่อสร้าง 3 ปี โดยในปีงบประมาณ 2552-2555 ได้ดำเนินการจัดซื้อที่ดินจำนวน 920 ไร่ และในปีงบประมาณ 2559 ดำเนินการว่าจ้าง บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน ระบบไฟฟ้าสนามบิน ถนนภายในและองค์ประกอบอื่นๆ โดยมีค่างานตามสัญญาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,316 ล้านบาท เริ่มสัญญาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2559 และสิ้นสุดสัญญาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 รวมระยะเวลาในการก่อสร้าง 990 วัน
เมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีขนาดทางวิ่งกว้าง 30 เมตร และยาว 1,800 เมตร สามารถรองรับอากาศยานแบบ ATR 72 และ Q-400 (จำนวน 80 ที่นั่ง) และในปีงบประมาณ 2560 ได้ดำเนินการว่าจ้างบริษัท ลิงค์ อินโนว่า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ดำเนินการในโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสาร และอาคารประกอบในวงเงิน 338 ล้านบาท ซึ่งโครงการจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2562 อาคารสามารถรองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน 300 คนต่อชั่วโมง รองรับผู้โดยสารได้ 500,000 คนต่อปี