ผู้จัดการรายวัน360 – “เคที” ขยายธุรกิจ ปั้นแบรนด์ “เหม็งนัวนัว” ลุยส้มตำขึ้นศูนย์การค้า เสริมพอร์ตแบรนด์หลัก ซานตาเฟ่สเต๊กโหมต่างประเทศชูแฟรนไชส์ นำร่องกลุ่มโซเพียร์กัมพูชาซื้อสิทธิ์เปิดที่พนมเปญ
นายสุรชัย ชาญอนุเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด หรือ เคที ผู้บริหารร้านซานตาเฟ่สเต๊กของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขยายไลน์ธุรกิจอาหารเพิ่ม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตให้กับองค์กร โดยได้เปิดร้านเหม็ง เป็นร้านอาหารอีสานส้มตำเป็นหลัก ซึ่งเริ่มเปิดทดลองมาได้ระยะหนึ่งแล้วที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ได้รับการตอบรับที่ดี จึงได้ปรับมาเป็น “เหม็งนัวนัว” และจะเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังจากนี้ ควบคู่ไปกับร้านซานตาเฟ่สเต๊ก
ทั้งนี้แผนขยายสาขาในปีนี้จะเปิดอีก 1 แห่งที่ซีคอนบางแค โดยลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทต่อสาขา พื้นที่เฉลี่ย 250 ตารางเมตร และเป้าหมายต่อไปปีเปิดปีละ 3 สาขา เน้นเปิดในศูนย์การค้าชานเมืองเป็นหลัก เจาะกลุ่มครอบครัวและวัยรุ่นเป็นหลัก ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 200 บาทต่อคน ซึ่งมองว่าตลาดร้านอาหารประเภทส้มตำยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง เพราะเป็นอาหารที่คนไทยคุ้นเคย ตลาดรวมเติบโต 10-15% มากกว่าตลาดรวมร้านอาหารเกาหลีและญี่ปุ่นที่เริ่มอิ่มตัวแล้วเติบโตเฉลี่ยเพียง 5% ต่อปีเท่านั้
นายสุรชัย กล่าวต่อถีงแผนธุรกิจร้านซานตาเฟ่สเต๊ก ด้วยว่า บริษัทฯวางแผนที่จะขยายธุรกิจซานตาเฟ่สเต๊กไปยังต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะตลาดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดหลัก เพื่อสร้างการเติบโต เนื่องจากตลาดรนานอาหารในไทยนั้นมีการแข่งขันที่รุนแรงจากอาหารที่หลากหลายและจำนวนผู้ประกอบการที่มากมาย ขณะที่ต่างประเทศนั้นโอกาสทางการตลาดยังมีอีกมาก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเน้นการขายแฟรนไชส์เท่านั้น
าสุดได้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโซเพียร์ ของกัมพูชา ( SOPHEAVORN INVESTMENT Co.,LTD. )บริษัทชั้นนำในการลงทุน ของประเทศกัมพูชา เเพื่อซื้อแฟรนไชส์ร้านซานตาเฟ่สเต๊ก ไปเปิดเฉพาะที่เมืองพนมเปญเท่านั้น ระยะเวลานาน 10 ปี ซึ่งฐานธุรกิจเดิมของกลุ่มนี้คือ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ จึงมีความพร้อมในเรื่องของการหาทำเลและเงินทุน ซึ่งสาขาแรกจะเปิดที่ศูนย์การค้าอิออน กัมพูชา
ทั้งนี้วางแผนจะเปิดให้ได้ประมาณ 10 สาขาในพนมเปญ ซึ่งสาขาต่อไปจะเปิดปลายปีนี้ ซึ่งขณะนี้ได้เซ็นสัญญาไปแล้วรวม 5 สาขา จะเน้นเปิดในศูนย์การค้าเป็นหลัก 3 แห่ง ซึ่งในกัมพูชา มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ 3 แห่ง และจะเปิดแบบสแตนด์อโลนอีก 2 แห่ง
ส่วนพื้นที่เป้าหมายต่อไปในกัมพูชาคือ เมืองเสียมเรียบ ซึ่งจะต้องให้โอกาสและสิทธิ์กับผู้ซื้อแฟรนไชส์รายเดิมก่อนคือกลุ่มโซเพียร์ หากสนใจก็จะมอบสิทธิ์ให้ แต่ถ้าหากไม่พร้อมหรือไม่สนใจก็คงต้องเจรจากับยผู้สนใจรายอื่นต่อไป
“ตลาดสเต๊กในกัมพูชานั้นยังถือว่ามีโอกาสโตได้มาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสเต๊กที่อยู่ในโรงแรม ราคาจึงค่อนข้างสูง สวนผู้ประกอบการเชนสเต๊กยังแทบจะไม่มีตอนนี้ เราจึงมั่นใจขยายไป อย่างไรก็ตามราคาซานตาเฟ่สเต๊กที่กัมพูชาจะสูงกว่าทีไทยเฉลี่ย 20% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเป็นหลัก” นายสุรชัย กล่าว
ขณะที่ตลาดเป้าหมายต่อจากกัมพูชา อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มผู้สนใจหลายรายทั้งในฟิลิปปินส์ กับ เมียนมา แต่ยังไม่มีการสรุปกับรายใด เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัยควบคู่กันไป แต่เป้าหมายต้องการให้มีผู้ซื้อแฟรนไชส์เพียงรายเดียวในแต่ละประเทศ คาดว่าภายในไตรมาสที่สองปีหน้าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ที่ฟิลิปปินส์ก่อน
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า สำหรับแผนธุรกิจโดยรวมในไทยนั้น วางเป้าหมายที่จะเปิดซานตาเฟ่สเต๊กเฉลี่ย 15 – 20 สาขาต่อปี จากปัจจุบันที่มีสาขาเปิดบริการประมาณ 110 สาขา แบ่งสัดส่วนเป็น สาขาของบริษัทฯ 55% และสาขาแฟรนไชส์ 45% อย่างไรก็ตามตั้งป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ จะมีสัดส่วนระหว่างสาขาบริษัทฯและแฟรนไชส์เท่ากันที่ 50% และสร้างผลการเติบโตปีละ 20% ต่อปี และคาดว่าภายในสิ้นปี2561นี้จะมีซานตาเฟ่สเต๊กในไทยรวม 111 สาขา
“ช่วง 8 เดือนแรกปี 2561 นี้ ยอดขายเราเติบโต10% ตามเป้าหมาย ขณะที่ตลาดรวมร้านอาหารโตเพียง 5% เท่านั้น โดยคาดว่าจากการขยายสาขา และการทำโปรโมชั่นรวมทั้งการออกเมนูใหม่ต่อเนื่องจะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมปี61นี้มีประมาณ 1,900 ล้านบาท เติบโตจากปี 2560 ประมาณ 15% จากที่ทำได้ 1,650 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวเมนูใหม่ สเต๊กอกไก่เบญจา ซอสแจ่ว” นายสุรชัย กล่าว
MRS. DIM SOPHEAVORN, CEO OF SOPHEAVORN INVESTMENT Co.,LTD. กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด ผู้นำร้านสเต๊กของประเทศไทย ในนาม ซานตาเฟ่ สเต๊ก ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตที่สูงในประเทศไทย มีการขยายสาขา กิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเมนูใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เป็นร้านสเต๊กที่ครองใจชาวไทยเป็นเวลานาน ดิฉันจึงอยากนำโมเดลนี้ไปใช้ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ธุรกิจร้านอาหารกำลังได้รับความนิยมจากชาวกัมพูชา ซึ่งร้าน SANTA FE’ ในกรุงพนมเปญนี้ คาดว่าจะเป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค โดยจะมีการพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ที่ถูกปากชาวกัมพูชา พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เชิญชวนให้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ดิฉันมั่นใจว่า SANTA FE’ จะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนซานตาเฟ่ สเต๊กในประเทศไทยอย่างแน่นอน”