เลื่อนเซ็นเอ็มโอยูศูนย์ซ่อม MRO อู่ตะเภา ในการให้สิทธิ์การบินไทยใช้พื้นที่กองทัพเรือ หลังรักษาการดีดีการบินไทยแจ้งป่วยกะทันหัน ขณะที่ตามแผนการบินไทยตั้งเป้าเปิดเฟสแรกปี 65 โกยรายได้ 400-500 ล้านบาท ส่วนพันธมิตรลงทุนคาดสรุปใน พ.ย.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นว่าด้วยการให้สิทธิบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการบนพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน หลังจากที่มีการจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ก่อนเสนอขอความเห็นชอบคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยกำหนดว่าจะมีการลงนามระหว่าง การบินไทย กองทัพเรือ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สำนักงาน EEC) ในวันนี้ (8 ส.ค.) แต่จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อนเนื่องจาก นางอุษณีย์ แสงสิงแก้ว รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทยป่วยกะทันหัน
นายสุรชัย เพียรเจริญศักดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง บริษัท การบินไทย กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (MRO) ว่า ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานจะดำเนินการบนพื้นที่ประมาณ 210 ไร่ เป็นพื้นที่ของกรมธนารักษ์ที่อยู่ในความครอบครองของกองทัพเรือ ซึ่งจะ MOU กับกองทัพเรือเพื่อให้สิทธิการบินไทยในการใช้พื้นที่ ซึ่งเป็นขั้นตอนเพื่อประกอบการเสนอขอความเห็นชอบในหลักการของโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุมัติและเสนอ ครม.ต่อไป
ทั้งนี้ ระยะแรกช่วงปี 65-83 จะลงทุนประมาณ 6,300 ล้านบาท โดยการบินไทยลงทุนเอง 2,000 ล้านบาท ที่เหลือเอกชนลงทุน ใช้ในการก่อสร้างโรงซ่อมบำรุง และจัดซื้ออุปกรณ์ จะรองรับการซ่อมบำรุงอากาศยานได้ราว 80-100 ลำ จะเปิดดำเนินการได้ในปี 65 คาดว่าปีแรกจะมีรายได้ 400-500 ล้านบาท จากการรับซ่อมเครื่องบิน 10 ลำในรุ่นต่างๆ ได้แก่ เครื่องบินแอร์บัส เอ 350, เอ 380, โบอิ้ง 787 รุ่นใหม่ ประเมินแนวโน้มการเติบโต 2% ต่อปี และในช่วง 50 ปีจะมีรายได้รวม 2 แสนล้านบาท
อนึ่ง คาดว่าคณะกรรมการคัดเลือกจะใช้รูปแบบ PPP จะสรุปพันธมิตรที่ร่วมทุนกับการบินไทยในเดือน พ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาร่วมลงทุนได้อย่างเร็วในเดือน ธ.ค. 61 ภายใต้หลักการเบื้องต้นที่จะถือหุ้นฝ่ายละ 50%