xs
xsm
sm
md
lg

“โรคติดมือถือ” ยอดฮิตคนรุ่นใหม่ “รพ.เอส สไปน์ฯ” เล็งผุดสาขารับมือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รพ.เอส สไปน์ฯ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ฮิตเป็น “โรคติดมือถือ” ปลื้มการตอบรับเกินคาด เล็งเปิดสาขาใหม่เร็วๆ นี้

นพ.ดิตถพงษ์ บุญอำพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ (S Spine Hospital and nerve) กล่าวว่า ทุกวันนี้ คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นเท็กซ์เนก ซินโดรม (text neck syndrome) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน แต่ก่อนโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลังนั้นจะเป็นในวัยอายุ 40-60 ปี แต่ปัจจุบันจะลดลงเรื่อยๆ เหลือ 18-20 ปี จากเหตุหลังมาจากการทำงาน และการก้มเล่นโทรศัพท์มือถือนานจนเกินไป

จากผลสำรวจพบว่า โรคปวดคอ และปวดหลัง มีสัดส่วนเท่าๆ กัน ทำให้อัตราคนไข้มีสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การเปิดโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคปวดหลังที่เกิดจากกระดูกเคลื่อน หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทโดยเฉพาะเพื่อรองรับโรคดังกล่าว จึงเป็นที่มาของโรงพยาบาล เอส สไปน์ แอนด์ เนิร์ฟ
ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่า ตลาดตอบรับดีมาก ส่วนใหญ่มาจากกลยุทธ์ทางการต่อแบบปากต่อปาก ที่ลูกค้ารักษาแล้วได้ผลดีนำไปบอกต่อ จึงทำให้ขยายตัวไปอย่างรวดเร็วถึงเดือนละ 10-20% โดยลูกค้าส่วนแบ่งเป็นคนไทย 50% ต่างชาติ 50%

ทั้งนี้ จุดแข็งของแบรนด์ คือ การมีทีมงานแพทย์ และพยาบาล เฉพาะทางโรคกระดูกสันหลังและระบบประสาทที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน ทำให้รู้ลึก รู้จริง สามารถรักษาได้ตรงจุด การวินิจฉัยได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ประกอบกับการนำนวัตกรรมสมัยใหม่จากทั่วโลกเข้ามาช่วยในการรักษา

ขณะเดียวกันยังมีห้องผ่าตัดจึงมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้รักษาถูกต้องตรงจุด เกิดข้อผิดพลาดน้อยมาก นอกจากนี้ยังใช้ระบบออนไลน์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย คนไข้สามารถดูผล และฟังการวินิจฉัยไปพร้อมๆ กับหมอได้เลย คนไข้ที่ได้รับการรักษาผ่าตัดด้วยระบบการยิงเลเซอร์นั้นจะมีแผลเล็กมาก ไม่เจ็บปวดมาก นอนโรงพยาบาล 1 คืนก็สามารถเดินได้เหมือนคนปกติ ตอบโจทย์ผู้ป่วยให้สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว ไม่ทรมาน และไม่เสี่ยงการติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรับรองการเติบโตของธุรกิจ ขณะนี้กำลังศึกษาการลงใหม่เพิ่ม แต่จะขอดูอีกประมาณ 2 ปี หากโรงพยาบาลแห่งเดิมเริ่มเต็ม และมีคนไข้มากขึ้นก็จะลงทุนเปิดโรงพยาบาลเพิ่มอีก 1 แห่งในกรุงเทพฯ เบื้องต้นมองไว้ใกล้แห่งเดิมซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา

“อาจพูดได้ว่าเราเป็นโรงพยาบาลที่รักษาโรคเฉพาะทางด้านโรคเท็กซ์เนกซินโดรม และกระดูกสันหลัง แห่งแรกของประเทศไทย ที่รู้จักกันอย่างรวดเร็ว ด้วยประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปด้วยตัวของมันเอง มาถึงวันนี้เติบโตแบบกระโดดมากๆ จนทำให้เราต้องเพิ่มบุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือมากขึ้น ทุกวันนี้เราก็ประสานงานกับต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา เรื่องการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี ใหม่ๆ ในการรักษา จึงทำให้เรามีความเป็นเลิศทางด้านนี้” นพ.ดิตถพงษ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น