อ.ส.ค.เผยมติคณะอนุกรรมการนมโรงเรียนพิจารณาให้สหกรณ์โคนมมวกเหล็กและสหกรณ์โคนมปากช่องเป็นผู้จำหน่ายแทนสหกรณ์ไทยมิลค์ จำกัด ในสัดส่วนที่ถูกลงโทษลดสิทธิ์ลง 25% รวมจำนวน 14.88 ตัน/วัน หรือคิดเป็น 95,144 กล่อง/ถุง พร้อมประกาศหากผลตรวจสอบพบเชื้อในกลุ่มก่อโรคร้ายแรงชนิดใดชนิดหนึ่ง พร้อมจะยกเลิกสัญญาการเข้าร่วมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนในทันที
ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน กล่าวถึงความคืบหน้าปัญหากรณีสหกรณ์โคนมไทยมิลค์ จำกัด จัดส่งนมโรงเรียนให้โรงเรียนไผทอุดมศึกษาไม่ได้คุณภาพ ว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 61 ที่ผ่านมา ทางอนุกรรมการฯ ได้ใช้ข้อบังคับมาตรการบังคับตามสัญญาทางปกครองภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน 1/61 ฉบับที่ 3 มีมติให้ลงโทษเบื้องต้นด้วยการแจ้งลดสิทธิการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมของสหกรณ์ฯ ในเทอม1/61 ลงจำนวน 25% ของสิทธิที่เหลือหรือคิดเป็นน้ำนมดิบ 14.88 ตัน เป็นผลิตภัณฑ์นม 95,144 ถุง/กล่อง ในโทษฐานผลิตนมไม่ได้คุณภาพตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการลงโทษดังกล่าวพิจารณาจากการตรวจสอบด้วยตาเปล่าพบว่านมของสหกรณ์ฯ ที่ส่งให้โรงเรียนตกตะกอนและจับตัวเป็นก้อนไม่ได้คุณภาพมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กำหนด
สำหรับสหกรณ์ไทยมิลค์ จำกัด ได้รับการร้องเรียนจากโรงเรียนไผทอุดมศึกษาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 61 หลังจากโรงเรียนได้เปิดเทอม 1/61 ได้ 18 วัน ซึ่งตามหลักสหกรณ์ไทยมิลค์ จำกัดเหลือสิทธิในการจำหน่ายอีก 112 วัน (จากที่กำหนด 130 วัน/ปี) ซึ่งเดิมทีสหกรณ์ฯ ได้รับการจัดสรรสิทธิในการจำหน่ายวันละ 59.541 ตัน หรือ 380,714 ถุง/กล่อง/วัน หรือรวมทั้งสิ้น 7,740.20 ตัน 42,639,968 ถุง/กล่องในเทอมนี้ โดยปัจจุบันราคาจัดซื้อนมโรงเรียนมี 3 ประเภท ดังนี้ นมพาสเจอไรซ์ ชนิดถุง ถุงละ 6.58 บาท นมยูเอชที ชนิดกล่อง กล่องละ 7.82 บาท และชนิดซอง ซองละ 7.72 บาท
“มติที่ประชุมได้พิจารณามอบสิทธิดังกล่าวให้กับสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด และสหกรณ์โคนมปากช่อง จำกัด โดยคณะกรรมการใช้เกณฑ์พิจารณาจากผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงและยึดผู้ประกอบการที่เป็นสหกรณ์เป็นอันดับแรก ซึ่งในอำเภอมวกเหล็กมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนด้วยกัน 4 ราย เป็นสหกรณ์ 2 ราย และเอกชนทั่วไป 2 ราย” ดร.ณรงค์ฤทธิ์กล่าว
ดร.ณรงค์ฤทธิ์กล่าวด้วยว่า หากผลพิสูจน์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ตรวจพบเชื้อในกลุ่มก่อโรคร้ายแรงชนิดใดชนิดหนึ่งในจำนวน 4 ชนิด คือ Salmonella spp หรือ Staphylococus aureus หรือ Listtteria monocytogenes หรือ Bacillus cereus ก็จะมีการลงโทษสหกรณ์ฯ เพิ่มเติมด้วยการยกเลิกสัญญาการเข้าร่วมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนในทันที
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบส่วนอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นโดยกรมปศุสัตว์ ที่มีปศุสัตว์เขต 1 ปทุมธานี เป็นประธานกรรมการ ซึ่งกำหนดสรุปผลประมาณสัปดาห์หน้าเพื่อรายงานให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนและคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ให้รับทราบและมติวินิจฉัยชี้ขาดบทลงโทษตามข้อมูลข้อเท็จจริงตามลำดับต่อไป ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในการบริหารจัดการนมโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อให้เด็กไทยได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ
