xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดครีมอาบน้ำ4.8พันล.ระอุศึก “บีไนซ์”ชู3กลยุทธ์ทะลวงกำแพง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 (จากซ้าย) ศิริสุภา อาจสัญจร และ สรัญญา ลุยะพันธุ์
ผู้จัดการรายวัน360 – ตลาดครีมอาบน้ำรวมทะลุ 4,800 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง “นีโอ” เปิดเกมรุกหนัก ดันแบรนด์ “บีไนซ์” หวังโกยรายได้ 1,000 ล้านบาท ในปี2563 ตั้งเป้าปีนี้ 800 ล้านบาท แชร์เพิ่มเป็น 18% ชู 3 กลยุทธ์หลัก “พัฒนาสินค้าใหม่-ขยายช่องทาง-สื่อสารทุกรูปแบบ”

นางศิริสุภา อาจสัญจร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคภายใต้แบรนด์สินค้าคุณภาพ เปิดเผยว่า ตลาดรวมครีมอาบน้ำในไทยมูลค่ากว่า 4,800 ล้านบาท เป็นตลาดที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่เป็นตตลาดที่เติบโตดี เมื่อเทียบกับตลาดรวมสบู่ก้อนที่มีมูลค่าต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ทั้งๆที่ในอดีต10กว่าปีที่แล้วตลาดรวมสบู่ก้อนเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ซึ่งขณะนั้นตลาดรวมครีมอาบน้ำมีมูลค่าเพียง 1,200 ล้านบาทเท่านั้น

โดยปี2561นี้บริษัทฯวางกลยุทธ์เพื่อรุกตลาดครีมอาบน้ำแบรนด์ “บีไนซ์” (BeNice) ครั้งใหญ่ ด้วยงบการตลาดรวม มูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่เปิดตัวแบรนด์บีไนซ์มาเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมาก็ว่าได้ เพื่อผลักดันยอดขายเติบโตกว่าปีก่อน 18% หรือมียอดขายรวมแบรนด์บีไนซ์ปีนี้ที่ 800 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะผลักดันรายได้ถึง 1,000 ล้านบาท ในตลาดครีมอาบน้ำ ภายในปี 2563
 ศิริสุภา อาจสัญจร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด
ปัจจุบัน บีไนซ์เป็นแบรนด์ครีมอาบน้ำอันดับ 3 จากตลาดครีมอาบน้ำรวมที่มีมูลค่าเม็ดเงินประมาณ 4,833 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 17% และมีอัตราเติบโตต่อปี 13% ขณะที่คู่แข่งอันดับที่ 1 และ 2 คือ ลักซ์ ที่มีส่วนแบ่งถึง 29% แต่เติบโตเพียง 2% และ โชกูบุทสึ มีส่วนแบ่งที่ 27% แต่เติบโต 7%
ส่วนที่รองลงมาคือ อันดับที่ 4 แบรนด์นกแก้ว ส่วนแบ่ง 7%, เฮาสแบรนด์ต่างๆ ส่วนแบ่ง 6%, โดฟ ส่วนแบ่ง 4%, ทเวลฟ์พลัส ส่วนแบ่ง 3% ที่เหลืออื่นๆรวมกัน

สำหรับคลาดรวมครีมอาบน้ำมูลค่ากว่า 4,832 ล้านบาท แยกเป็น กลุ่มบิวตี้ มีมูลค่า 3,277 ล้านบาท สัดส่วน 68% เติบโต 4% กลุ่มเฮลท์ มีมูลค่า 1,273 ล้านบาท สัดส่วน 26% เติบโต 11% และกลุ่มผู้ชาย มูลค่า 281 ล้านบาท สัดส่วน 6% ติดลบ 13%

ทั้งนี้แผนตลาดปีนี้ จะรุก 3 ด้านหลัก คือ 1.การพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง 2.การขยายโอกาสในช่องทางใหม่ๆโดยเฉพาะ คอนวีเนียนสโตร์ ที่ยังมีโอกาสอีกมาก และ 3. การสื่อสารการตลาด ทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งปีนี้เพิ่มงบออนไลน์เป็น 20% จากปีที่แล้วใช้ 15%
โดยปี 2561 นีโอฯเปิดตัวสินค้าใหม่ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ไฮไลท์คือ “บีไนซ์ มีสทีค ไวท์” (BeNice Mystic White) ครีมอาบน้ำ ผิวสวย หอมเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทน้ำหอมชั้นนำจากนิวยอร์ค เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยใช้บีไนซ์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 22-35 ปี ที่ดูแลและใส่ใจในตัวเอง

“บีไนซ์ วางแผนออกสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายตลาด และจับเทรนด์ตลาดใหม่ ๆ เพื่อสร้างกระแสและสีสันในตลาด ทั้งการออกคอลเล็คชั่นพิเศษลิมิเต็ด อิดิชั่น “บิงซู” ซึ่งเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟในเทสโก้โลตัส ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า เพราะบีไนซ์ถือเป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งในด้านการให้ผิวเนียนกระชับ

นอกจากนี้ การเลือกใช้แนวกลิ่นผลไม้ในทุกสินค้าของบีไนซ์กลายเป็นคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ และเป็นแนวกลิ่นร่วมสมัยที่ได้รับความนิยมทุกเพศทุกวัย จนบีไนซ์สูตรผิวกระจ่างใส สีเขียวกลายมาเป็น Asia Benchmark ให้กับหลาย ๆ แบรนด์ในการพัฒนาสินค้าเพื่อมาขายในตลาดเอเชีย
สรัญญา ลุยะพันธุ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด
นางสาวสรัญญา ลุยะพันธุ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์บีไนซ์
กล่าวว่า เตรียมแจกตัวอย่างสินค้าขนาดทดลอง จำนวน 500,000 ชิ้น ทั่วประเทศและได้มีการเปิดตัวหนังโฆษณามีสทีค ไวท์ ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มคนทั่วประเทศ ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนยอดวิวทะลุ 15 ล้านวิวในช่องทางยูทูป โดยปีนี้ บีไนซ์ต้องการสร้างประสบการณ์การอาบน้ำรูปแบบใหม่ โดยการดึงเทคโนโลยีฮาโลแกรม (Halo gram) เข้ามาช่วยสร้างความสนุก ความสดชื่น ในแต่ละฉาก พร้อมกับจังหวะเสียงเพลงสนุกติดหู และท่าเต้นเช็คผิวกระชับ สอดแทรกในหนัง เพื่อต่อยอดกับแคมเปญออนไลน์และกิจกรรมบีไนซ์ เอฟเฟกต์ ชาเลนจ์ (BeNice Effect Challenge) ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิ.ย.นี้

สำหรับกิจกรรมบีไนซ์ เอฟเฟกต์ ชาเลนจ์ เป็นการผสมผสานกระแสการเต้นออกกำลังกาย การเต้นเพื่อความสนุก ร่วมกับการเต้นเพื่อกระชับผิว พร้อมส่งต่อความสนุกด้วยการชาเลนจ์ไปยังคนรอบข้าง เพื่อให้เกิดปรากฏการณ์บีไนซ์ เอฟเฟกต์ที่ใคร ๆ ก็สัมผัสได้บนแพลตฟอร์มออนไลน์

ด้านภาพรวมตลาดครีมอาบน้ำกลุ่ม Beauty ชนิดเหลว มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 3-4% โดยปีนี้คาดเติบโต 5% และมีการแข่งขันสูง ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างงัดสินค้าใหม่ออกมาแข่งขันกันทุกปี โดยบีไนซ์ มีสัดส่วนทางการตลาดอยู่ 17% และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 13% ซึ่งเชื่อว่า การรุกตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีของบีไนซ์จะผลักดันมาร์เก็ตแชร์แบรนด์บีไนซ์รวม เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4% และมียอดขายรวมถึง 1,000 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายภายใน 3 ปี

“เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้าในช่องทางเทรดดิชั่นแนล เทรด (Traditional trade) ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญ บีไนซ์เป็นผู้นำอันดับ 1 ในช่องทาง Super Hyper Other มีอัตราการเติบโตสูงสุดมากถึง 44% และมีสัดส่วนในตลาดถึง 24% และผลิตภัณฑ์บีไนซ์สูตรผิวกระจ่างใส สีเขียวยังสามารถครองสินค้าอันดับ 1 ในตลาดนี้เช่นกัน ในขณะเดียวกันบีไนซ์ยังครองความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดครีมอาบน้ำ ขนาด 180-200 มล. มีสัดส่วนในตลาดมากถึง 30% มานานกว่า 3 ปี”

ส่วนการรุกตลาดส่งออก บีไนซ์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา โดยปีที่ผ่านมามียอดส่งออกเติบโตสูงถึง 14%

นางศิริสุภายังกล่าวถึงรายได้รวมทุกกลุ่มสินค้าของนีโอคอร์ปอเรท ภายใต้แบรนด์เอเวอร์เซ้นส์, ทรอส, บีไนซ์, ไฟน์ไลน์, วีไวต์, สมาร์ท โทมิ และดีนี่ ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 6,200 ล้านบาท เติบโต15% จากปี 2560 แบ่งสัดส่วนเป็นสินค้าของใช้ส่วนตัวหรือเพอร์ซันนัลแคร์ 40% และผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนหรือเฮาส์โฮลด์ ประมาณ 60%


กำลังโหลดความคิดเห็น