ผู้จัดการรายวัน 360 - วีจีไอเปิดแผนบุกทุ่ม 12,000 ล้าน ลุยแผน 3 ปีสู่เป้า 10,000 ล้านบาท โต 25% ต่อเนื่องทุกปี หลังวางโมเดลธุรกิจ 3 ด้านเชื่อมธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ไปด้วยกัน ด้วยบริการ O2O Solutions
นายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์ของบริษัทคือ การสร้างโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์กับโลกยุคใหม่ เราไม่สามารถโฟกัสแต่เพียงงบโฆษณาเท่านั้น จึงเป็นที่มาของการขยายแพลตฟอร์มเพิ่มจากการเป็นเพียงธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณาในปี 2561 นี้
ปัจจุบันวีจีไอมี 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ 1. ธุรกิจสื่อโฆษณา 2. ธุรกิจให้บริการชำระเงิน และ 3. ธุรกิจลอจิสติกส์ ซึ่งจะเปิดโอกาสทางธุรกิจอีกมากมายจากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และส่งผลให้วีจีไอมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงบการตลาดอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้วีจีไอมีโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเจริญเติบโตและแข่งขันในตลาดได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เราจึงมั่นใจว่าวีจีไอจะทำรายได้ถึง 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีจากนี้
“ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาวีจีไอได้มีการลงทุนไปกว่า 3,000 ล้านบาท เข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรหลายราย เพื่อวางรากฐานจากเดิมที่เป็นเพียงธุรกิจให้เช่าพื้นที่โฆษณาเท่านั้น รวมถึงการร่วมทุนล่าสุดใน Kerry Express ที่เข้าไปซื้อหุ้น 23% คิดเป็นมูลค่า 5,900 ล้านบาท ซึ่งในเดือน ก.ค. 61 นี้บริษัทจะมีเงินกว่า 12,000 ล้านบาทจากทางตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกว่า 50% จะนำไปจ่ายการซื้อหุ้นของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส และอีก 50% จะนำมาปรับปรุงจอทีวีที่มีกว่า 10,000 จอ โดยจะเปลี่ยนเป็นจอดิจิทัล 40% ให้ได้ใน 4 ปีหลังจากนี้ นอกจากนี้ยังพร้อมใช้งบหลายร้อยล้านบาทสำหรับการพัฒนาเอไอเพื่อเชื่อมระบบกับจอโฆษณาที่มีอยู่ให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง”
นายเนลสัน เหลียง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การสร้างแพลตฟอร์มในช่วงที่ผ่านมาของวีจีไอ เราใช้ฐานข้อมูลที่มีคุณภาพและข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ที่บริษัทมีอยู่มาพัฒนาให้สื่อของวีจีไอสามารถสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และยังทำให้สื่อสามารถเข้าถึงจุดการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้อีก ด้วยกลยุทธ์ของวีจีไอ ประกอบด้วย 3 อย่าง คือ 1. ในส่วนของโฆษณา จะมีการปรับสื่อที่มีอยู่ให้เป็นรูปแบบดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าและประสิทธิภาพที่สูงที่สุดในการใช้งาน ด้วยการเปลี่ยนจอโฆษณาเป็นจอแอลอีดีให้ได้ 40%ของจำนวนจอทั้งหมด
2. เพย์เมนต์ จากฐานข้อมูล 1 ล้านรายจะเพิ่มเป็น 10 ล้านราย เพื่อให้เกิดประโยชน์ควบคู่กับพันธมิตรทางธุรกิจ และ 3. ลอจิสติกส์ จะเพิ่มขีดความสามารถ จากลูกค้า 1 ล้านราย เป็น 2 ล้านราย เพื่อมุ่งเชื่อมโยงแพลตฟอร์มออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน ด้วยการใช้ฐานข้อมูลที่บริษัทมีอยู่เพิ่มประสิทธิภาพ ด้วยการให้บริการ O2O Solutions แก่ลูกค้าของเราเกิดความพึงพอใจสูงสุด
ทั้งนี้ คาดว่าสิ้นปี 2561 นี้บริษัทจะมีกำไรโตขึ้น 23% หรือมีรายได้ 4,000 ล้านบาท โดยกว่า 90% มาจากโฆษณา และใน 3 ปีจะมีการเติบโต 25% ต่อเนื่องทุกปี หรือน่าจะมีรายได้เป็น 10,000 ล้านบาท กำไร 23-25% โดยรายได้มาจาก 3 ส่วนหลัก คือ รายได้โฆษณา การทรานแซกชัน และซินเนอร์ยีตามลำดับ