CEO ทั่วโลกประเมินการเติบโตของธุรกิจตามจริง ขณะเผชิญแรงปะทะจากปัญหาที่ไม่เคยประสบมาก่อน
55 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าธุรกิจจะมีรายได้เติบโตน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า อ้างอิงจากรายงาน CEO Outlook ฉบับที่ 4 โดยเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
- 38 เปอร์เซ็นต์ของ CEO ทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ เพื่อให้ตอบรับความต้องการของชาวมิลเลนเนียล
- ภูมิรัฐศาสตร์เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญสำหรับคณะกรรมการบริหาร โดยยกให้ความเป็นชาตินิยม และถิ่นนิยมเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ
- CEO กว่าครึ่งเผยว่าการตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ในมุมมองของซีอีโอที่ร่วมทำแบบสอบถามจะเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมและในแต่ละประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นมาก แต่ 55 เปอร์เซ็นต์ของ CEO ทั่วโลกยังคงมองว่าอัตราการเติบโตของบริษัทตนเองยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดย 52 เปอร์เซ็นต์ต้องการทำรายได้ให้บรรลุเป้าหมายก่อนว่าจ้างพนักงานใหม่ จากรายงาน CEO Outlook 2018 ธุรกิจจำเป็นต้องเติบโตภายใต้การเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านประชากร ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ CEO ส่วนใหญ่เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายทางไซเบอร์ โดย 59 เปอร์เซ็นต์รู้สึกว่าการรักษาข้อมูลลูกค้าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ CEO
“CEO พยายามนำธุรกิจให้เติบโตโดยใช้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์” บิลล์ โทมัส ประธานเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “CEO ที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยส่วนใหญ่ตระหนักดีว่าความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว CEO ที่ดีจะมองหาโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยการเปลี่ยนระบบ หรือในบางกรณีจะปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจทั้งหมด CEO จำเป็นต้องผสมผสานความคาดหวังและความเป็นจริงในปริมาณที่เท่ากัน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในปี 2018 และในอนาคต”
พร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลง
CEO ทั่วโลกมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนองค์กรให้ตอบรับผู้บริโภคในอนาคต เพื่อคว้าทุกโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ 4 ใน 10 หรือ 38 เปอร์เซ็นต์ของ CEO เปลี่ยนแปลงธุรกิจให้รองรับความต้องการของชาวมิลเลนเนียล CEO ส่วนใหญ่ยอมรับว่าการละเมิดข้อมูลทางไซเบอร์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย 49 เปอร์เซ็นต์ตระหนักดีว่าการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์จะไม่ใช่ในกรณี “ถ้าหาก” อีกต่อไป แต่เป็น “เมื่อไหร่” ด้วยภูมิรัฐศาสตร์ ความเป็นชาตินิยม และถิ่นนิยมจึงเป็นอุปสรรคสำคัญของการเติบโตของธุรกิจ
ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจตามความเป็นจริง
CEO มีความรู้สึกเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมหภาค และมั่นใจในแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม (78 เปอร์เซ็นต์) และของทั่วโลก (67 เปอร์เซ็นต์) นอกจากนี้ 74 เปอร์เซ็นต์ของ CEO เชื่อมั่นในการเติบโตของประเทศตัวเอง แม้ว่าจะลดลง 3 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา แต่การมองการเติบโตของธุรกิจกลับกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น
- 90 เปอร์เซ็นต์ของ CEO มั่นใจในการเติบโตของธุรกิจ (ขึ้นมา 7 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา)
- อย่างไรก็ตาม เพียง 37 เปอร์เซ็นต์วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานมากกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ลดลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา)
- 55 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าจะมีรายได้เติบโตน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ยกให้ดิจิทัลเป็นภารกิจส่วนตัว
CEO ส่วนใหญ่ตอบรับเป็นอย่างดีกับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยกให้การสร้างความไว้วางใจและการรักษาข้อมูลเป็นภารกิจของ CEO
- 71 เปอร์เซ็นต์ของ CEO พร้อมที่จะนำการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลมาสู่องค์กรอย่างเป็นรูปธรรม
- 59 เปอร์เซ็นต์ให้ความเห็นว่า ข้อมูลของลูกค้าเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของ CEO
- 62 เปอร์เซ็นต์มองว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยสร้างอาชีพมากกว่าทำให้คนตกงาน ซึ่งสวนทางกับความคิดเห็นทั่วไป
“การเข้าถึงข้อมูลเป็นดาบสองคม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การละเมิดข้อมูลทางไซเบอร์เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้คนนับล้านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเพิ่มความกังวลในการรักษาข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น ผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอาจมีผลเสียต่อกำไรและราคาหุ้นของธุรกิจ ทำให้เกิดการดำเนินคดี การเสียค่าใช้จ่ายด้านการรับมือและด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เพิ่มขึ้น และสูญเสียความไว้วางใจต่อธุรกิจ” นายวินิจ ศิลามงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย พม่า และลาว กล่าว “การพัฒนากรอบการทำงานที่ครอบคลุมเพื่อให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลจึงมีความจำเป็น องค์กรควรนำประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมทั้งมีแผนการและแนวทางที่เหมาะสม หากเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ รัฐบาลทั่วโลกมีการพิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง ในประเทศไทย รัฐวางแผนที่จะคัดเลือกนักรบไซเบอร์จำนวนมากถึง 5,000 คน ภายในปี 2566 เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ ขณะที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation - GDPR) ซึ่งเป็นการป้องกันข้อมูลและปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุด จะถูกบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม 2018”
พึ่งสัญชาตญาณมากกว่าข้อเท็จจริง
ด้วยความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง และภูมิทัศน์ของเทคโนโลยีในสภาวะของการเปลี่ยนแปลง ความว่องไวและสัญชาตญาณเป็นสิ่งสำคัญ
- 59 เปอร์เซ็นต์ของ CEO เชื่อว่าความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญทางธุรกิจ โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงที่ช้าเกินไปจะทำให้ธุรกิจล้มละลาย
- กว่า 51 เปอร์เซ็นต์มีความมั่นใจลดลงในความถูกต้องของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์ เมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต และมีความไว้วางใจสูงสุดกับแหล่งข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์มากกว่าข้อมูลอื่นๆ
- 67 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเคยพึ่งพาสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่าข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์
“ข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก อย่างไรก็ดี CEO เป็นผู้ตัดสินใจคนสำคัญ ดังนั้น ประสบการณ์และสัญชาตญาณยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ” โทมัสกล่าวเสริม
ภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น
ในบริบทของความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอนาคต ความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์กำลังเพิ่มขึ้น ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 จากอันดับที่ 5 โดยเพียง 51 เปอร์เซ็นต์ของ CEO กล่าวว่า มีความพร้อมในการรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ แม้จะมีมากกว่าครึ่ง หรือ 55 เปอร์เซ็นต์ที่กล่าวว่ากลยุทธ์ทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก
มุ่งการเติบโตในตลาดกำลังพัฒนา
70 เปอร์เซ็นต์ของ CEO กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการขยายตัวทางภูมิศาสตร์คือตลาดที่เกิดใหม่ โดยยกให้อเมริกากลางและอเมริกาใต้เป็นภูมิภาคที่สำคัญที่สุด
เกี่ยวกับงานสำรวจ CEO Outlook 2018
CEO Outlook2018 เป็นการสำรวจ CEO จำนวน 1,300 คน จาก 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ใน 11 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การจัดการสินทรัพย์ ยานยนต์ การเงิน ค้าปลีกและตลาดผู้บริโภค พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ประกันภัย ชีววิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมการผลิต เทคโนโลยีและโทรคมนาคม ซึ่ง 1 ใน 3 ขององค์กรเหล่านี้มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และไม่มีองค์กรใดที่มีรายได้ต่ำกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 22 มกราคม ถึง 27 กุมภาพันธ์ 2561 *ตัวเลขที่นำมาเสนอในผลการวิจัยมีการปัดเศษ
เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชี ภาษี และการให้คำปรึกษา เราดำเนินงานใน 154 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 200,000 คนที่ทำงานร่วมกันในบริษัทสมาชิกทั่วโลก บริษัทที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเคพีเอ็มจีจะถือเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล โคออเปอเรทีฟ (KPMG International) เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทสัญชาติสวิส ทั้งนี้ แต่ละบริษัทที่เป็นสมาชิกเคพีเอ็มจีเป็นนิติบุคคลที่แยกต่างหากจากกัน และมีอิสระตามกฎหมาย
ติดตามประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลสำรวจครั้งนี้ได้จากkpmg.com/CEOoutlookหรือผ่าน Twitter @KPMG หรือ @KPMG_TH และ #CEOoutlook
55 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าธุรกิจจะมีรายได้เติบโตน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า อ้างอิงจากรายงาน CEO Outlook ฉบับที่ 4 โดยเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
- 38 เปอร์เซ็นต์ของ CEO ทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ เพื่อให้ตอบรับความต้องการของชาวมิลเลนเนียล
- ภูมิรัฐศาสตร์เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญสำหรับคณะกรรมการบริหาร โดยยกให้ความเป็นชาตินิยม และถิ่นนิยมเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ
- CEO กว่าครึ่งเผยว่าการตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ในมุมมองของซีอีโอที่ร่วมทำแบบสอบถามจะเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมและในแต่ละประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นมาก แต่ 55 เปอร์เซ็นต์ของ CEO ทั่วโลกยังคงมองว่าอัตราการเติบโตของบริษัทตนเองยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดย 52 เปอร์เซ็นต์ต้องการทำรายได้ให้บรรลุเป้าหมายก่อนว่าจ้างพนักงานใหม่ จากรายงาน CEO Outlook 2018 ธุรกิจจำเป็นต้องเติบโตภายใต้การเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านประชากร ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ และภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ CEO ส่วนใหญ่เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายทางไซเบอร์ โดย 59 เปอร์เซ็นต์รู้สึกว่าการรักษาข้อมูลลูกค้าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ CEO
“CEO พยายามนำธุรกิจให้เติบโตโดยใช้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์” บิลล์ โทมัส ประธานเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว “CEO ที่ผมมีโอกาสได้พูดคุยส่วนใหญ่ตระหนักดีว่าความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามทางไซเบอร์กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว CEO ที่ดีจะมองหาโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยการเปลี่ยนระบบ หรือในบางกรณีจะปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจทั้งหมด CEO จำเป็นต้องผสมผสานความคาดหวังและความเป็นจริงในปริมาณที่เท่ากัน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในปี 2018 และในอนาคต”
พร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลง
CEO ทั่วโลกมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนองค์กรให้ตอบรับผู้บริโภคในอนาคต เพื่อคว้าทุกโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ 4 ใน 10 หรือ 38 เปอร์เซ็นต์ของ CEO เปลี่ยนแปลงธุรกิจให้รองรับความต้องการของชาวมิลเลนเนียล CEO ส่วนใหญ่ยอมรับว่าการละเมิดข้อมูลทางไซเบอร์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย 49 เปอร์เซ็นต์ตระหนักดีว่าการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์จะไม่ใช่ในกรณี “ถ้าหาก” อีกต่อไป แต่เป็น “เมื่อไหร่” ด้วยภูมิรัฐศาสตร์ ความเป็นชาตินิยม และถิ่นนิยมจึงเป็นอุปสรรคสำคัญของการเติบโตของธุรกิจ
ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจตามความเป็นจริง
CEO มีความรู้สึกเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมหภาค และมั่นใจในแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม (78 เปอร์เซ็นต์) และของทั่วโลก (67 เปอร์เซ็นต์) นอกจากนี้ 74 เปอร์เซ็นต์ของ CEO เชื่อมั่นในการเติบโตของประเทศตัวเอง แม้ว่าจะลดลง 3 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา แต่การมองการเติบโตของธุรกิจกลับกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้น
- 90 เปอร์เซ็นต์ของ CEO มั่นใจในการเติบโตของธุรกิจ (ขึ้นมา 7 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา)
- อย่างไรก็ตาม เพียง 37 เปอร์เซ็นต์วางแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงานมากกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า (ลดลงถึง 10 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา)
- 55 เปอร์เซ็นต์คาดการณ์ว่าจะมีรายได้เติบโตน้อยกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ยกให้ดิจิทัลเป็นภารกิจส่วนตัว
CEO ส่วนใหญ่ตอบรับเป็นอย่างดีกับการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยกให้การสร้างความไว้วางใจและการรักษาข้อมูลเป็นภารกิจของ CEO
- 71 เปอร์เซ็นต์ของ CEO พร้อมที่จะนำการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลมาสู่องค์กรอย่างเป็นรูปธรรม
- 59 เปอร์เซ็นต์ให้ความเห็นว่า ข้อมูลของลูกค้าเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของ CEO
- 62 เปอร์เซ็นต์มองว่าเทคโนโลยี AI จะช่วยสร้างอาชีพมากกว่าทำให้คนตกงาน ซึ่งสวนทางกับความคิดเห็นทั่วไป
“การเข้าถึงข้อมูลเป็นดาบสองคม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การละเมิดข้อมูลทางไซเบอร์เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผู้คนนับล้านได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเพิ่มความกังวลในการรักษาข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น ผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลอาจมีผลเสียต่อกำไรและราคาหุ้นของธุรกิจ ทำให้เกิดการดำเนินคดี การเสียค่าใช้จ่ายด้านการรับมือและด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เพิ่มขึ้น และสูญเสียความไว้วางใจต่อธุรกิจ” นายวินิจ ศิลามงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย พม่า และลาว กล่าว “การพัฒนากรอบการทำงานที่ครอบคลุมเพื่อให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลจึงมีความจำเป็น องค์กรควรนำประเด็นด้านความเป็นส่วนตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมทั้งมีแผนการและแนวทางที่เหมาะสม หากเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ รัฐบาลทั่วโลกมีการพิจารณาประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง ในประเทศไทย รัฐวางแผนที่จะคัดเลือกนักรบไซเบอร์จำนวนมากถึง 5,000 คน ภายในปี 2566 เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ ขณะที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation - GDPR) ซึ่งเป็นการป้องกันข้อมูลและปกป้องความเป็นส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุด จะถูกบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม 2018”
พึ่งสัญชาตญาณมากกว่าข้อเท็จจริง
ด้วยความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง และภูมิทัศน์ของเทคโนโลยีในสภาวะของการเปลี่ยนแปลง ความว่องไวและสัญชาตญาณเป็นสิ่งสำคัญ
- 59 เปอร์เซ็นต์ของ CEO เชื่อว่าความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญทางธุรกิจ โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงที่ช้าเกินไปจะทำให้ธุรกิจล้มละลาย
- กว่า 51 เปอร์เซ็นต์มีความมั่นใจลดลงในความถูกต้องของการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคาดการณ์ เมื่อเทียบกับข้อมูลในอดีต และมีความไว้วางใจสูงสุดกับแหล่งข้อมูลบนสื่อสังคมออนไลน์มากกว่าข้อมูลอื่นๆ
- 67 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเคยพึ่งพาสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่าข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจในเชิงกลยุทธ์
“ข้อมูลมีความสำคัญอย่างมาก อย่างไรก็ดี CEO เป็นผู้ตัดสินใจคนสำคัญ ดังนั้น ประสบการณ์และสัญชาตญาณยังมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ” โทมัสกล่าวเสริม
ภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น
ในบริบทของความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอนาคต ความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์กำลังเพิ่มขึ้น ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 จากอันดับที่ 5 โดยเพียง 51 เปอร์เซ็นต์ของ CEO กล่าวว่า มีความพร้อมในการรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ แม้จะมีมากกว่าครึ่ง หรือ 55 เปอร์เซ็นต์ที่กล่าวว่ากลยุทธ์ทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก
มุ่งการเติบโตในตลาดกำลังพัฒนา
70 เปอร์เซ็นต์ของ CEO กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการขยายตัวทางภูมิศาสตร์คือตลาดที่เกิดใหม่ โดยยกให้อเมริกากลางและอเมริกาใต้เป็นภูมิภาคที่สำคัญที่สุด
เกี่ยวกับงานสำรวจ CEO Outlook 2018
CEO Outlook2018 เป็นการสำรวจ CEO จำนวน 1,300 คน จาก 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ สเปน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ใน 11 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ การจัดการสินทรัพย์ ยานยนต์ การเงิน ค้าปลีกและตลาดผู้บริโภค พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ประกันภัย ชีววิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมการผลิต เทคโนโลยีและโทรคมนาคม ซึ่ง 1 ใน 3 ขององค์กรเหล่านี้มีรายได้มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และไม่มีองค์กรใดที่มีรายได้ต่ำกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การสำรวจครั้งนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 22 มกราคม ถึง 27 กุมภาพันธ์ 2561 *ตัวเลขที่นำมาเสนอในผลการวิจัยมีการปัดเศษ
เกี่ยวกับเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล
เคพีเอ็มจี เป็นเครือข่ายระดับโลกของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชี ภาษี และการให้คำปรึกษา เราดำเนินงานใน 154 ประเทศ และมีพนักงานมากกว่า 200,000 คนที่ทำงานร่วมกันในบริษัทสมาชิกทั่วโลก บริษัทที่เป็นสมาชิกเครือข่ายเคพีเอ็มจีจะถือเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล โคออเปอเรทีฟ (KPMG International) เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทสัญชาติสวิส ทั้งนี้ แต่ละบริษัทที่เป็นสมาชิกเคพีเอ็มจีเป็นนิติบุคคลที่แยกต่างหากจากกัน และมีอิสระตามกฎหมาย
ติดตามประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลสำรวจครั้งนี้ได้จากkpmg.com/CEOoutlookหรือผ่าน Twitter @KPMG หรือ @KPMG_TH และ #CEOoutlook