ผู้จัดการรายวัน 360 - “คิดส์ซาเนีย” เร่งสรุปเจรจาพันธมิตรเดิมหลังครบสัญญาสิ้นปีนี้ พร้อมเดินหน้าหาพันธมิตรเพิ่มอีก 6-8 ราย ได้มาแล้ว 2 ราย คือ สีดูลักซ์ กับ เวลบี เสริมทัพลุยตลาดจัดกิจกรรมเต็มที่ ชูดิจิทัลรุก คาดสิ้นปีนี้ผู้เข้าใช้บริการโต 10%
นางสาวจิตติมา คนตรง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คิดส์ซาเนีย เอ็ดดูเทนเม้นท์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารคิดส์ซาเนีย ในไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมเจรจากับพันธมิตรรายเก่าที่มีอยู่ทั้งหมด 26 บริษัท รวม 27 แบรนด์สินค้าและบริการ (ICC International บริษัทเดียว แต่มี BSC Kiddo และ BSC Cosmetic) ที่จะครบสัญญาในปลายปี 2561 นี้ หลังจากที่เป็นพันธมิตรมาครบ 5 ปีตั้งแต่เริ่มกิจการคิดส์ซาเนียในไทยมา ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปการเจรจาได้ด้วยดี
รวมทั้งยังเจรจาหาพันธมิตรรายใหม่เพิ่มอีกด้วย โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายจะมีพันธมิตรใหม่อีก 6-8 ราย ซึ่งขณะนี้ได้มาแล้ว 2 ราย คือ สีดูลักส์โดยบริษัท และ โดยบริษัท อั๊คโซ่ โนเบล (Dulux) ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2561 และบริษัทโจ-ลี่ แฟมิลี่ (Wel-B) ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเดือนกรกฎาคม
“นอกจากนั้น ปีนี้ (2561) จะทำการตลาดและกิจกรรมเต็มที่ โดยจะให้ความสำคัญต่อช่องทางออนไลน์และดิจิทัลมากขึ้นด้วย ซึ่งตอนนี้รูปแบบการขายปรับเปลี่ยนไปมาก เราต้องตามเทรนด์ให้ทันและโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มีบทบาทมากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งแรกที่เราต้องทำให้สำเร็จ เราปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ให้อินเตอร์แอ็กทีฟมากขื้น รูปแบบการขายตั๋วออนไลน์ มันก็จะเป็นแบบซื้อง่ายมากขึ้น ตอนนี้ช่องทางการขายการตลาดในส่วนของออนไลน์เติบโตดี เป็นตลาดสำคัญที่เราพยายามที่จะโฟกัสตรงนี้ปีนี้เป็นต้นไป แล้วเราก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก แม้ว่าเราจะเปิดมานาน 5 ปีในไทยแล้วก็ตาม เพราะเราเป็นศูนย์การเรียนรู้ ต้องพัฒนาปรับปรุงตลอด โดยแต่ละปีมีการจัดโปรโมชันใหญ่ 2 ครั้ง คือ ช่วงกลางปี และช่วงปลายปี” นางสาวจิตติมากล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2560 มียอดผู้เข้าใช้บริการในคิดส์ซาเนียรวมจำนวน 296,500 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เด็ก จำนวน 189,028 คน และ ผู้ใหญ่จำนวน107,472 คน เพิ่ม 3% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายผู้เข้าใช้บริการรวม 329,500 คน เติบโต 10% ปัจจุบันฐานลูกค้าเป็นเด็กประมาณ 65% และเป็นผู้ใหญ่ประมาณ 35% โดยกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ กลุ่มคนไทยสัดส่วน 70% ซึ่งในกลุ่มตลาดคนไทย ยังแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ครอบครัว สัดส่วนมากที่สุด 50% เติบโตมากที่สุด 4%, โรงเรียนสัดส่วน 30% และองค์กร 20%
ส่วนกลุ่มทัวริสต์หรือคนต่างประเทศ สัดส่วน 30% เติบโต 2% ซึ่งประเทศที่มาเข้าใช้บริการมากที่สุดคือ สิงคโปร์ นอกนั้นก็จะเป็นเอเชียเป็นส่วนใหญ่ เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นต้น ส่วนคนยุโรปนั้นมีไม่มาก ซึ่งในกลุ่มทัวริสต์ เราทำการตลาดผ่านทั้งเอเยนต์ทัวร์กับทำตลาดเอง ส่วนค่าบริการเฉลี่ยแล้วในช่วง 5 ปีที่ดำเนินกิจการในไทยมาปรับขึ้นไป 50 บาท
ทั้งนี้ คิดส์ซาเนียไทยถือว่าเป็นตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะเปิดมาได้เพียง 5 ปี เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียที่มีหลายแห่ง เช่น ที่ญี่ปุ่น เปิดมานานแล้วกว่า 12 ปี มีแล้ว 2 แห่ง และจะเปิดแห่งที่ 3 เร็วๆ นี้, เกาหลีใต้ 2 สาขา, อินเดีย 2 สาขา ส่วนประเทศละ 1 แห่ง คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ จากจำนวนทั้งหมดของคิดส์ซาเนียทั่วโลกที่มี 24 แห่งใน 19 ประเทศ และบริษัทแม่เตรียมที่จะเปิดเพิ่มอีก 24 แห่ง ใน 8 ประเทศเร็วๆ นี้ โดยมีผู้เข้ามาใช้บริการรวมทั่วโลกที่ผ่านมาประมาณ 10 ล้านคนต่อปี
อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่จะมีสาขาที่ 2 ในไทยหรือไม่นั้น นางสาวจิตติมากล่าวว่า เดิมทีเจ้าของและผู้ลงทุนคิดส์ซาเนียในไทยที่ได้รับไลเซนส์มานั้นมีแผนที่จะขยายสาขาที่2 ในไทยเช่นกัน ในระยะยาวที่เชียงใหม่ แต่เนื่องจากเมื่อเปิดบริการในไทยที่สยามพารากอนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นช่วงเดียวกับที่มีปัญหาการเมืองในไทยพอดี จึงทำให้เป้าหมายและแผนงานได้รับผลกระทบเละเลื่อนออกไป ขณะนี้จึงยังมีเพียงสาขาเดียวที่สยามพารากอนเท่านั้น และจะให้ความสำคัญต่อสาขานี้ก่อน อีกทั้งนโยบายหลักของต่างประเทศต้องการสร้างสาขากรุงเทพฯ นี้ให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ก่อนด้วย จึงคาดว่ายังคงไม่มีสาขาที่ 2 ในไทยในระยะใกล้นี้
คิดส์ซาเนียคือศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิง เป็นเมืองจำลองขนาดย่อส่วนที่สร้างขึ้นสำหรับเด็กและเยาวชนวัย 4-14 ปี เข้ามาทดลองทำกิจกรรม สวมบทบาทเป็นอาชีพต่างๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กๆ