ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ เตรียมทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตรเว้นอี 85 ขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตรหลังเชลล์และคาเท็กซ์ขึ้นนำร่องไปแล้ววันนี้ เหตุราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งสุดรอบกว่า 3 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เชลล์และคาลเท็กซ์ได้นำปรับขึ้นราคาขายปลีกทั้งเบนซินและดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร มีผลแล้วในวันนี้(10พ.ค.) ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ เตรียมทยอยตัดสินใจปรับขึ้นราคาน้ำมันมีผลพรุ่งนี้ (11 พ.ค.) เวลา 05.00 น. ตามเชลล์และคาลเท็กซ์ ทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลขึ้น 60 สตางค์ต่อลิตรยกเว้นอี 85 ปรับขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งเป็นเหตุผลจากทั้งราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังสหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นได้ส่งผลทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและอุปทานที่อาจจะตึงตัวจากการส่งออกของอิหร่านที่ลดลงหากถูกคว่ำบาตรอีกครั้ง เบื้องต้นนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจากอิหร่านจะปรับตัวลดลงประมาณ 0.2 - 1.0 ล้านบาร์เรล/วัน หากมีการคว่ำบาตรเกิดขึ้นสหรัฐประกาศถอนตัวจากข้อเตรียมคว่ำ ขณะเดียวกันต้นทุนนำเข้าน้ำมันก็เพิ่มขึ้นจากเงินบาทอ่อนค่า
บมจ.ไทยออยล์รายงานว่าราคาน้ำมันดิบเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ตลาดเวสต์เท็กซัส ปิดที่ 71.14 ดอลลาร์ เบรนท์ ปิดที่ 77.21 ดอลลาร์ และดูไบ ปิดที่ 73.74 ดอลลาร์/บาร์เรล Goldman Sachs ได้วิเคราะห์ผลกระทบจากการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐ ว่าอาจจะส่งผลทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 82.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลได้ภายในฤดูร้อนปีนี้