ผู้จัดการรายวัน 360 - “ททท.” สบช่องหนุนตลาดเซกเมนต์ใหม่ เจาะกลุ่มจีนผู้มีบุตรยากดึงเข้าเที่ยวไทยมากกว่า 90 ล้านคู่ สั่งการ 5 สำนักงานในจีนผนึกกำลังกับเอเยนต์ให้ทำตลาดเต็มที่ หวังดึงเม็ดเงินเข้าไทยมหาศาล
ในปี 2561 คาดว่าแนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะมีมูลค่ามากถึง 3.03 ล้านล้านบาท เติบโต 9.12% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนสูงถึง 37.81 ล้านคน เพิ่ม 6.8% จากปีก่อน สร้างรายได้ 2.02 ล้านล้านบาท เพิ่ม 10.73% ส่วนนักท่องเที่ยวไทยนับเป็นจำนวน 157.83 ล้านครั้ง (โดย 1 คนอาจเที่ยวมากกว่า 1 ครั้งต่อปี) เพิ่ม 3.2% สร้างรายได้ 1.01 ล้านล้านบาท เพิ่ม 6.04%
เมื่อเทียบสถิติในปีที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากกว่า 8.8 ล้านคน นับเป็นสถิติเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาทั้งหมด และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายที่ท็อปฮิตของชาวจีน โดยเฉพาะตลาดใหม่คือ ตลาดท่องเที่ยวเพื่อการมีบุตร 90 ล้านคู่ชาวจีน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า จากแนวโน้มการท่องเที่ยวทางเลือก (Alternative Tourism) ประกอบด้วย การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ (Green Tourism) การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism) การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) เป็นต้น จึงจะจับเซกเมนต์ใหม่โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมาแรงมาก คือ ตลาดกลุ่มคู่สมรสชาวจีนที่ต้องการมีบุตรคนที่ 2 จำนวน 90 ล้านคู่ ผ่านโครงการ “ฮันนีมูนรอบ 2”
ทั้งนี้ ได้สั่งการสำนักงานท่องเที่ยวทุกสาขาในประเทศจีนทั้ง 5 สาขา คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว คุนหมิง และเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ประสานกับตัวแทนขายหรือ Sale Agent การท่องเที่ยวอีก 5,000 เอเยนต์ของกลุ่มบริษัท บอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป ที่คาดว่ามีเงินสะพัดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกว่า 5 แสนล้าน ถึงล้านล้านบาทเลยทีเดียว โดยคู่สมรสจะต้องใช้จ่ายเฉลี่ยอย่างต่ำคู่ละ 5-6 แสนบาท ซึ่งบางคนอาจต้องใช้เงินสูงถึง 1-1.2 ล้านบาทต่อทริป (เฉพาะค่า ใช้จ่ายที่เกี่ยวกับ Medical Care เท่านั้น) โดยมีการใช้เวลาในไทย 1 เดือน หรือมากกว่า แล้วแต่กรณี ททท.ได้วางมาตรการบุกตลาดเชิงรุก เจาะเข้าหากลุ่มเป้าหมาย ทั้งการตลาดเชิงออฟไลน์ และออนไลน์ โดยใช้จุดแข็งของกลุ่มบริษัท บอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป (Borderless Healthcare Group of companies) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่เชี่ยวชาญดำเนินการให้บริการด้านสุขภาพที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบคอนเวอร์
นายแพทย์ สุรพงศ์ อำพันวงษ ที่ปรึกษาสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยถึงตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยในแต่ละปีมีจำนวน VISIT ที่มาท่องเที่ยวไทยมากถึง 2 ล้าน Visit ในบางปีทำสถิติ 2.3-2.4 ล้าน Visit (โดยนักท่องเที่ยว 1 คนอาจจะมีถึง 1.47 Visit) และหลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศให้ประชากรสามารถมีบุตรคนที่ 2 หรือ 2nd Child Policy ทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเกิดคลัสเตอร์หรือกลุ่มใหม่ขึ้นมา คือกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีบุตรยาก หรือ Fertility Tourism ที่มีถึง 90 ล้านคู่ .
สิ่งนี้เป็นโอกาสทองของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ทั้งธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรง และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวคู่สมรสชาวจีนผู้มีบุตรยาก 90 ล้านคู่นี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพ มีกำลังซื้อสูง ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพประกอบด้วย 5 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาโรคหลอดเลือด กระดูก และข้อ รวมถึงกระดูกคอ–หลัง, 2. กลุ่มระบบทางเดินอาหารและตับ, 3. กลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง, 4. กลุ่มสมอง ประสาท และไขสันหลัง และ 5. กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการมีบุตร และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีบุตรยากจะเป็นโอกาสทองของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวเพื่อการมีบุตรนี้ประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีบุตรยาก 2. กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีผู้ติดตามมาเป็นกลุ่ม เช่น ญาติ 3. กลุ่มนักท่องเที่ยวมาเพื่อการฮันนี่มูนรอบสอง
นายเหว่ย เซียง ยู ประธานคณะกรรมการบริหาร บอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป กล่าวว่า เตรียมเปิดศูนย์ Fertility Center ในไทยรวม 15 ศูนย์ภายใน 3 ปี รวมทั้งการจัดทัพทีมการตลาดถึง 5,000 เอเยนต์ทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์และเทคโนโลยีแบบคอนเวอร์เจนส์ ซึ่งเฟสแรกนี้ทำตลาดผ่านโปรแกรม Baby Smart บนแพลตฟอร์มสมาร์ททีวี แผยแพร่ผ่านพอร์ทัลที่เป็นวิดีโอ เฟสที่สองทำโปรแกรมต่อเนื่องผ่านช่องทางทีวี และภาพยนตร์ เป็นต้น