“สิริ คอสเมติก” มั่นใจตลาดความงามโตต่อเนื่อง ทุ่มงบหลักล้านเปิดธุรกิจสุขภาพและความงาม นำร่องไตรมาสแรก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Dark White, S Luxury soap และ S Le Latte Scrub Soap (เอส เลอลาเต สครับโซป) พร้อมลุยทำการตลาดออนไลน์ และออฟไลน์เต็มกำลัง มั่นใจสิ้นปีสร้างรายได้ปีแรก 10 ล้านบาท
นางสิริกร ภัทร์คงสิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สิริ คอสเมติก จำกัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนทำธุรกิจเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งตอนนี้ก็ยังดำเนินธุรกิจดังกล่าวอยู่ แต่โดยส่วนตัวเป็นคนรักสวยรักงามอยู่แล้ว ประกอบกับมองเห็นว่าอุตสาหกรรมความงามในไทยปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 1.8 แสนล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.8 ต่อปี
โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิวเป็นตลาดความงามที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 45% หรือเกือบ 1 ใน 2 ของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอันดับรองลงมา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม และกลุ่มเครื่องสำอาง (ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) ยังมีช่องว่างในตลาดอยู่มากแม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยก็ยังคงมีแนวโน้มใส่ใจในเรื่องสุขภาพและความงามกันอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจึงได้ลงทุนเปิดบริษัท สิริ คอสเมติก จำกัด เพื่อลุยทำตลาดสุขภาพและความงาม ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกายตั้งแต่หัวจดเท้า ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพในจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง เป็นต้น
บริษัทวางนโยบายไว้ว่าจะเป็นแนวทาง Green Business ไม่ได้เน้นทำเพื่อผลกำไร หรือ เฉพาะการสร้างความสวยเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นด้านสุขภาพและความปลอดภัยแก่ลูกค้า จึงเลือกคัดสรรส่วนผสมหลักจากสารสกัดจากธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ช่วงแรกบริษัทได้ลงทุนงบประมาณหลักล้าน ซึ่งในอนาคตคาดว่าน่าจะเกิน 10 ล้านแน่นอน ในการนำร่องเปิดตัวสินค้าตัวแรก ได้แก่ Dark White เป็นครีมลดเลือนจุดด่างดำใต้วงแขน ข้อศอกด้าน หัวเข่าด้าน ที่ช่วยแก้ปัญหารอยดำได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และตัวที่สองล่าสุดเพิ่งได้เปิดตัวไป คือสบู่ S Luxury soap (เอส ลักชัวรี) สบู่เมือกหอยทาก เน้นช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น จึงเหมาะกับช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป
และ S Le Latte scrub soap (เอส เดอลาเต สครับโซป) สบู่สครับกาแฟ ช่วยขัดผิว และเพิ่มความกระจ่างใส เหมาะกับช่วงอายุ 18-35 ปี โดยสาเหตุที่เราเลือกทำสบู่เป็นตัวที่ 2 มาวางจำหน่ายนั้นเรามองเห็นว่าตลาดรวมสบู่มีมูลค่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสบู่เหลว 5,000 ล้านบาท และสบู่ก้อน 5,000 ล้านบาท โดยสบู่เหลวเป็นกลุ่มที่มีการเติบโต 10% ส่วนสบู่ก้อนเติบโตเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสอยู่มากให้เราได้ลงมาทำ
สำหรับครึ่งปีแรกวางแผนจะมีสินค้าออกมาจำหน่ายประมาณ 4-5 ตัว ซึ่งจะออกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพิ่มอีก 2 ตัว คือ สบู่ S amino skin soap (เอส อะมิโน สกิน โซป) จะเป็นสบู่ที่มีโปรตีน 7 ชนิด และมีค่า PH 5.5-6 ซึ่งค่า PH ใกล้เคียงกับผิวที่สุด ต่อด้วยสบู่ S green caviar soap (เอส กรีน คาเวียร์ โซป) เน้นในเรื่องของการแก้ฝ้า กระชับรูขุมขุน และจุดด่างดำ เสริมสร้างคอลลาเจนและความแข็งแรงให้กับผิว และยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในกลุ่มสกินแคร์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสลิมอัพ ดูแลรูปร่างและน้ำหนักตัวต่อไปในอนาคต
สำหรับการทำธุรกิจในช่วงเริ่มแรกของปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ทำการตลาดผลิตภัณฑ์ความงามทั้งหมด ดังนี้คือ บริษัทจะเน้นทำการตลาดทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ โดยทางออนไลน์จะทำผ่านเพจเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ เพื่อลงเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแนะนำสินค้า รวมทั้ง line และสำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายเราวางไว้ว่าจะทำการจัดจำหน่ายผ่านทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และผ่านตัวแทนของเรา
“นอกจากนี้ แผนในระยะยาวบริษัทมองว่าจะทำการขยายสินค้าไปทำตลาดยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง AEC โดยเฉพาะในกลุ่มแถบ CLMV(Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) เพราะเรามองว่าตลาดดังกล่าวมีความได้เปรียบเรื่องการขนส่งที่สะดวก สำหรับการที่จะขยายวงกว้างออกไปในแถบประเทศอาเซียนได้ดีตามลำดับ” นางสิริกร กล่าวทิ้งท้าย