ขยายสัมปทานด่วน 2 สะดุด กทพ.ส่งอัยการตีความส่วน D เหตุหมดอายุไม่พร้อมกัน

ศึกษาขยายสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ยังไม่สรุป ที่ปรึกษาติดปัญหาสัญญาส่วน D จะสิ้นสุดพร้อมไปกับสัญญาหลักหรือไม่ เหตุส่วน D ก่อสร้างหลัง 7 ปี เร่งส่งอัยการสูงสุดตีความ ขณะที่ กทพ.ปรับที่ปรึกษาเดือนละ 2 แสน

รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วน D) ภายหลังสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุด ว่า กทพ.ได้จ้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาเพื่อศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินการหลังหมดสัญญาสัมปทานที่เหมาะสม แต่ขณะนี้ที่ปรึกษายังไม่สรุปผลการศึกษา แม้ว่าสัญญาจ้างศึกษาจะครบกำหนดแล้วตั้งแต่เมื่อเดือน ม.ค. 2561 ซึ่งตามสัญญา กทพ.จะปรับที่ปรึกษาเดือนละประมาณ 200,000 บาท

ส่วนประเด็นที่ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลการศึกษาได้เป็นปัญหาการตีความโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนขั้นที่ 2 หรือนับเป็นโครงการใหม่ ซึ่งทางเอกชนได้ดำเนินการก่อสร้างส่วน D หลังจากเปิดให้บริการทางด่วนขั้นที่ 2 ไปแล้ว 7 ปี ขณะที่ในส่วนของ กทพ.เห็นว่าทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ดังนั้น เมื่อสัญญาสัมปทานเส้นทางหลักสิ้นสุด ในส่วนต่อขยายจะต้องสิ้นสุดไปพร้อมกันด้วย ขณะที่เอกชนกลับเห็นว่าเป็นโครงการใหม่และควรได้รับสิทธิ์บริหารจัดการต่อไปจนครบสัญญาสัมปทาน 30 ปี

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมบอร์ด กทพ.ให้ส่งเรื่องไปหารืออัยการสูงสุดตีความสัญญาสัมปทาน และให้เร่งหาข้อยุติเรื่องดังกล่าวต่อไป ซึ่งสัญญาสัมปทานทางด่วน ขั้นที่ 2 ระหว่าง กทพ. กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จะสิ้นสุดวันที่ 19 ก.พ. 2563

ส่วนความคืบหน้าการปรับอัตราค่าผ่านทางระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งจะครบกำหนดเดือน ก.ย. 2561 นี้ กทพ.อยู่ระหว่างรอความเห็นจากอัยการสูงสุดถึงรูปแบบการพิจารณาปรับอัตราค่าผ่านทางว่า กรณีคำนวณตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) ออกมาแล้วมีเศษจะใช้ตามแนวทางเดิมที่เคยพิจารณามาตั้งแต่อดีต หรือแนวทางใหม่ตามที่เอกชนเสนอ