“อาคม” โชว์แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า ระบุรัฐลงทุนโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่ง “บก ราง น้ำ และอากาศ” ครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ แก้ปัญหาจราจรใน กทม.และเมืองหลักในภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในอนาคต
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “ทุกเรื่องที่อยากรู้เกี่ยวกับระบบราง” เพื่อเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่งทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศไปสู่ One Transport for All คมนาคมรวมเป็นหนึ่งเพื่อความสุขของคนไทยทุกคน ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล
นายอาคมกล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) ซึ่งได้ผลักดันมอเตอร์เวย์ 3 สายทาง ได้แก่ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. รวมทั้งเพิ่มโครงข่ายมอเตอร์เวย์ให้ครอบคลุม 13 จังหวัด และเร่งรัดการจัดทำรายงานการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ใน 2 สาย พร้อมเปิดให้บริการทั้งระบบภายในปี 2563 ขณะที่เตรียมลงทุนอีก 2 สาย ได้แก่ สายนครปฐม-ชะอำ และสายหาดใหญ่-ชายแดนไทย/มาเลเซีย
ด้านการพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 5 โครงการ ระยะทางรวม 109.8 กม. ได้แก่ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (พญาไท-สุวรรณภูมิ) ระยะทาง 28.5 กม. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง) ระยะทาง 21 กม. รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สำโรง) ระยะทาง 23.3 กม. รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (สนามกีฬา-บางหว้า) ระยะทาง 14 กม. และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ระยะทาง 23 กม.
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเส้นทางเชื่อมถนนสู่ประตูเศรษฐกิจ โดยขยายช่องจราจร 4 ช่องบนถนนหลวงและถนนหลวงชนบท โดยดำเนินการขยายทางหลวงสายประธานทั่วประเทศเป็น 4 ช่องจราจร เปลี่ยนถนนลูกรังเป็นถนนลาดยาง ระยะทางรวม 2,630 กม. ก่อสร้างถนนเพื่อสนับสนุนโครงการหลวงและโครงการพระราชดาริ 86 สาย และก่อสร้างสะพานชุมชนในภูมิภาค จำนวน 45 สะพาน
สำหรับการพัฒนาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อยกระดับท่าเรือโดยสารสาธารณะให้เป็น “สถานีเรือ” ด้วยการปรับปรุงท่าเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยา 17 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือสมุทรปราการ ท่าเรือบางหัวเสือ ท่าเรือบางกะเจ้านอก ท่าเรือสาทร ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือดินแดง ท่าเรือราชวงศ์ ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือราชินี ท่าเรือท่าเตียน ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือพรานนก ท่าเรือเทเวศร์ ท่าเรือเกียกกาย ท่าเรือเขียวไข่กา และท่าเรือพระราม 5
ส่วนการพัฒนารถไฟความเร็วสูง ระยะทางทั้งหมด 2,506 กิโลเมตร เพื่อเป็นทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการเดินทางที่รวดเร็วขึ้นสำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย จากหนองคายเชื่อมไปประเทศลาวและต่อไปยังคุนหมิง ประเทศจีน เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนเพื่อเชื่อมโยงระบบรถไฟระหว่างประเทศ โดยระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ระยะทาง 252.35 กม. วงเงิน 179,412.21 ล้านบาทนั้น แบ่งการก่อสร้าง 14 สัญญา ซึ่งขณะนี้จีนส่งแบบตอนที่ 2 ปากช่อง-ขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.แล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะเปิดประกวดราคาได้ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้
ส่วนตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม. และตอนที่ 4 แก่งคอย-กรุงเทพฯ 119 กม.นั้น จีนจะส่งแบบในเดือนมิถุนายนนี้ และจะเปิดประกวดราคาให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2561
รถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 672 กิโลเมตร เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ส่วนการดำเนินการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยความเร็ว 250 กิโลเมตร/ชม. สนามบินอู่ตะเภาสามารถเชื่อกรุงเทพฯ ได้ใน 45 นาที (เทียบกับ 2-3 ชั่วโมง โดยรถยนต์) วงเงิน 2.2 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้ในเดือนมีนาคมนี้ และจะเปิดร่าง TOR ได้ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม และเปิดประกวดราคาในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2561
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาศูนย์การขนส่งชายแดน/พัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค โครงการพัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย ผ่านเส้นทาง R3A และเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งเป็นระบบรางเพื่อขนส่งไปยังท่าเรือ โครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม รองรับการขนส่งสินค้าผ่านถนนสาย R12 โครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้าภูมิภาค 17 แห่ง เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางถนนทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ
“กระทรวงคมนาคมเดินหน้า One Transport for All พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องของการเดินทางที่ไม่สะดวก และมีปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองหลวงและเมืองหลักในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ โดยนโยบายรัฐบาลที่จะเร่งขับเคลื่อนพัฒนารถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครให้ครบทั้งระบบ ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถประหยัดพลังงาน ประชาชนเดินทางได้สะดวก และส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนที่ดีขึ้น” นายอาคมกล่าว