xs
xsm
sm
md
lg

“เซ็นทรัล” ทุ่ม 4.7 หมื่นล้านลุยปี 61 ดัน 8 แสนล้านอีก 5 ปี-ซุ่มเทกโอเวอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ทศ จิราธิวัฒน์
ผู้จัดการรายวัน 360 - “กลุ่มเซ็นทรัล” ทุ่ม 4.7 หมื่นล้านลุยปี 61 รับเศรษฐกิจฟื้นตัว ดันรายได้เฉียด 4 แสนล้านบาทปีนี้ ซุ่มเทกโอเวอร์อีก ดันแผน 5 ปีรายได้ทะลุ 8 แสนล้านบาท ปีนี้เน้นลงทุนเวียดนามเป็นหลัก เผย 2 โครงการยักษ์ “ที่ดินสถานทูตอังกฤษกับที่ดินดุสิตธานีสีลม” ทุ่มกว่า 50,000 ล้านบาทพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส คาดอีก 2 ปีเห็นแผนชัด

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งงบการลงทุนปี 2561 ไว้ประมาณ 47,500 ล้านบาท เพิ่ม 27.8% จากปี 2560 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้รวม 397,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2560 ซึ่งที่ผ่านมาก็ลงทุนใกล้เคียงระดับนี้ นอกจากว่าปีใดที่มีการซื้อกิจการหรือควบรวมกิจการก็อาจจะลงทุนสูงถึง 70,000- 80,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้อาจจะมีบางดีลที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในแผน 5 ปีจากนี้ (2566) ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้รวม 800,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 13%

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ตัวเลขยอดขายของทั้งกลุ่มเซ็นทรัลมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 11% และในปี 2560 สัดส่วนของผลประกอบการก็เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยแบ่งออกเป็น ยอดขายในประเทศไทย 72%, ยอดขายในยุโรป 15% และยอดขายในประเทศเวียดนาม 13%

“บริษัทฯ มองภาพรวมเศรษฐกิจของไทยปี 2561 นี้น่าจะดีขึ้น ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ก็ดีกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว การเลือกตั้งก็น่าจะมีในเร็วๆ นี้ เศรษฐกิจภาพรวมก็ดูดีขึ้น ภาครัฐก็มีการลงทุนสาธารณูปโภค โครงการถนนเลียบชายฝั่งทะเล หรือไทยแลนด์ ริเวียร่า ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ดีขึ้น และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซีซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคบริการ เช่น ค้าปลีก ท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งโครงการนี้สามารถที่จะทำให้เกิดเป็นพื้นที่เศรษฐกิจหรือกรุงเทพฯ 2 ได้เลย ระดับรากหญ้าก็มีกำลังซื้อที่ดีขึ้น คนไทยยังซื้อของมากขึ้น ซื้อสินค้าต่างประเทศมากขึ้นกว่า 10% อยู่ที่ว่าไปซื้อที่ไหน ค่าจีดีพีไทยก็คาดว่าจะโตมากกว่า 4% แต่ติดเรื่องเดียวคือต่างประเทศ เพราะกังวลสงครามทางการค้ากับการเมือง” นายทศกล่าว

ปี 2561 นี้มี 2 โครงการใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเตรียมการการศึกษา คือ โครงการที่ดินโรงแรมดุสิตธานีเดิมตรงหัวมุมถนนสีลมที่ร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี คาดว่าบริษัทฯ จะต้องลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาทไม่รวมค่าที่ดิน กับโครงการที่ดินสถานทูตอังกฤษที่ถนนชิดลมที่ร่วมกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ชนะการประมูลที่ดินมาเมื่อปีที่แล้ว คาดว่าจะลงทุนประมาณ 25,000 ล้านบาท รวม 50,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยอีก 2 ปีจึงจะสรุปรายละเอียดโครงการได้ คาดว่าจะมีพื้นที่ประมาณ 1 ล้านตารางเมตรรวมกัน

ขณะที่โครงการต่างๆ ที่จะลงทุนและเปิดตัวปี 2561นี้ เช่น ไตรมาสแรก เปิดท็อปส์พลาซาพะเยา เดือนมกราคม, ไตรมาสสองเปิดเซ็นทรัลเวิลด์โฉมใหม่, ไตรมาสสาม เปิดโรบินสันไลฟ์สไตล์อมตะ ชลบุรี, เปิดท็อปส์พลาซา สิงห์บุรี, เปิดเซ็นทรัลภูเก็ตแห่งที่ 2 และไตรภูมิแอทแทรคชั่น, เปิดเซ็นทารา เวสต์เบย์ เรสซิเดนส์ และสวีท โดฮา ประเทศกาตาร์ ส่วนไตรมาสที่สี่จะเปิดท็อปส์พลาซาขอนแก่น และพัทลุง, เปิดห้างสรรพสินค้าเซน ที่ป่าตองภูเก็ต, เปิดโรบินสันไลฟ์สไตล์อมตะชลบุรี, เปิดศูนย์การค้าไอซิตี้ ศูนย์การค้าแห่งแรกของซีพีเอ็นในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าต่างๆ ที่จะเปิดใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศที่เวียดนามอีก 439 แห่งตลอดทั้งปีด้วย

ในปี 2560 กลุ่มเซ็นทรัลมีจำนวนร้านค้ารวม 4,970 แห่ง ใน 38 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งเป้าหมายอีก 5 ปี (2565) จะขยายจำนวนร้านค้าเป็น 7,509 แห่ง ครอบคลุม 52 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่สัดส่วนของสาขาและเครือขายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีสาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดคิดเป็น 80% ต่อ 20% แต่ปัจจุบันสัดส่วนสาขาของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น 54% ต่อ 46%

ปีที่แล้วในไทยมีการร่วมลงทุนโครงการใหญ่ เช่น ลงทุน 17,500 ล้านบาท กับเจดีดอทคอมจากจีน ตั้งเจดีเซ็นทรัลดอทคอมเพื่อสร้างมาร์เกตเพลซ ซึ่งส่งผลดีต่อการเกิด 2 ธุรกิจใหม่ คือ อีลอจิสติกส์ และอีไฟแนนซ์ อย่างไรก็ตาม ยังมีการเจรจาเพื่อหาพันธมิตรเข้ามาร่วมมือเพิ่มขึ้นใน 2 ส่วนนี้ คาดว่าสิ้นปีจะสรุปพันธมิตรได้ ซึ่งการร่วมมือกับเจดีดอทคอมนี้จะทำให้ยอดขายช่องทางออนไลน์เติบโตเร็วขึ้น ปัจจุบันช่องทางออนไลน์ของเซ็นทรัลมียอดขายประมาณ 6,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนรายได้ 2% จากรายได้รวม ตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 4% ในปีนี้
ญนน์ โภคทรัพย์
“เราต้องปรับตัวให้เป็น “นิวเซ็นทรัล นิวอี-โคโนมี (NEW CENTRAL. NEW E-CONOMY) ทั้งในด้านเทคโนโลยี ผู้นำดิจิ-ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อพัฒนาในทุกกลุ่มธุรกิจในเครือของกลุ่มเซ็นทรัลและต่อยอดไปธุรกิจใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น ผ่านการขับเคลื่อน 3 มิติสำคัญ คือ 1. ข้อมูล จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดจากทุกกลุ่มธุรกิจ ขึ้นไว้ในระบบคลาวด์ เพื่อความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าในเชิงลึก 2. ลอยัลตี และการตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลผ่านเดอะวันการ์ด และ 3. ออมนิแชนเนลแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นการเชื่อมการชอปปิ้งระหว่างโลกออนไลน์กับออฟไลน์” นายณนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มเซ็นทรัล กล่าว
ทศ จิราธิวัฒน์
นายทศกล่าวต่อว่า สำหรับตลาดต่างประเทศ จะเน้นการลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ตั้งเป้าหมายอีก 5 ปีจากนี้จะขยายธุรกิจและเครือข่ายสาขาเพิ่มเป็น 753 ร้าน รวมพื้นที่กว่า 2.5 ล้านตารางเมตร ครอบคลุม 57 จังหวัด สัดส่วนรายได้จากเวียดนามขณะนี้ประมาณ 3% จากรายได้รวม คาดว่าจะเพิ่มเป็น 20% ในอีก 5 ปี

ทั้งนี้ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2560) ยอดขายของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนาม เติบโตเฉลี่ย 340% ซึ่งกลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ประกอบด้วย 5 ธุรกิจสำคัญ คือ 1. ธุรกิจศูนย์การค้า 31 แห่ง (บิ๊กซี เตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่), 2. ธุรกิจอาหาร 59 แห่ง ( บิ๊กซี, ลานชีมาร์ท), 3. ธุรกิจแฟชั่น 49 แห่ง (โรบินส์, เดลาลา, ซูเปอร์สปอร์ต และ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์), 4. ธุรกิจฮาร์ดไลน์ 78 แห่ง (เหงียนคิม, บีทูเอส) และ 5. ธุรกิจออนไลน์ 3 แพลตฟอร์ม (เว็บไซต์ NguyenKim.vn, Robins.vn และ B2S.com.vn)

ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีห้างร้านกระจายอยู่ทั่วประเทศเวียดนามรวม 217 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 700,000 ตร.ม. ใน 37 จังหวัด โดยตั้งเป้าในอีก 5 ปีข้างหน้า (2565) จะมีร้านค้าทั้งหมดรวมกว่า 753 ร้าน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500,000 ตร.ม.ใน 57 จังหวัดทั่วประเทศ มีพนักงานของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศเวียดนามมากกว่า 17,000 คน ลูกค้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 175,000 คนต่อวัน


กำลังโหลดความคิดเห็น