xs
xsm
sm
md
lg

“มาสเตอร์คูล” ปรับแผนฟื้นขาดทุน ลด MT-เพิ่มออนไลน์-ขยาย ตปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท  มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
ผู้จัดการรายวัน 360 - “มาสเตอร์คูล” ปรับแผนหวังเทิร์นอะราวนด์ปีนี้ล้างขาดทุน เร่งลดช่องทางโมเดิร์นเทรด เพิ่มออนไลน์ ขยายต่างประเทศ ออกสินค้าใหม่ จ่อเพิ่มทุนอีก 24 ล้านบาท

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายพัดลมไอน้ำแบรนด์ “มาสเตอร์คูล” เปิดเผยว่า ปี 2561 บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่เพื่อผลักดันเป้าหมายรายได้รวมกลับมาเติบโต 25% จากปีที่แล้วที่ขาดทุนกว่า 84 ล้านบาท และรายได้รวมลดลงมากกว่า 30-40% หรือมีรายได้รวมประมาณ 500-600 ล้านบาท ลดลงจากปี 2559 ที่มีประมาณ 800 ล้านบาท

การปรับระบบช่องทางการจำหน่ายในส่วนของโมเดิร์นเทรดจะลดจำนวนจุดขายลงบ้าง เช่น ในช่องทางบิ๊กซีและเทสโก้โลตัส ที่จะปรับใหม่อาจจะไม่มีการวางจำหน่ายสินค้าในทุกสาขาแล้ว จะเลือกบางสาขาที่ไม่ซ้ำซ้อนกันและเป็นทำเลที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามีการเติบโตดี เป็นต้น โดยรวมแล้วช่องทางโมเดิร์นเทรดปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 260 กว่าจุดเท่านั้น จากเดิมปีที่แล้วขยายมากถึง 500 กว่าจุด เพิ่มจากปี 2559 ที่มีเพียง 250 จุด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านสถานที่ด้วย

อีกทั้งการหันมาเพิ่มช่องทางออนไลน์มากขึ้น ล่าสุดปีนี้ได้ทำแพลตฟอร์มของบริษัทฯ เอง ชื่อ shop.masterkool.com จากเดิมที่ทำออนไลน์ผ่านคู่ค้า เช่น ช้อปปี้ ลาซาด้า ทเวนตี้โฟร์ เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถรุกช่องทางออนไลน์ได้เต็มที่และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคาดหวังว่าปีนี้สัดส่วนช่องทางออนไลน์จะมีประมาณ 8% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 5% เท่านั้น

นอกจากนี้ จะมีการออกสินค้าใหม่ เช่น รุ่น MIK-28EX ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการเพิ่มระบบไล่ยุงด้วย หรือเรียกว่ารุ่น “เย็นไล่ยุง” ด้วยการนำคลื่นความถี่อัลตราโซนิกมาใช้ ราคา 7,900 บาท และรุ่น MIK-14EX ราคา 3,500 บาท และรุ่นใหญ่ที่ใช้กับธุรกิจร้านค้า ราคา 12,000 บาท โดยเฉพาะรุ่นเย็นไล่ยุงนี้เจาะตลาดทั่วไป และนิชมาร์เกตได้ทั้งหมด ซึ่งมีการออกหนังโฆษณาด้วย โดยปีนี้ใช้งบการตลาดรวม 30 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำเป็นผู้นำตลาดและการสร้างแบรนด์

ส่วนตลาดต่างประเทศมีการขยายตลาดในพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่ม เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เม็กซิโก ซึ่งทั้งสามประเทศนี้ได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว ส่วนประเทศอื่นๆ จะเริ่มขยายมากขึ้นปีนี้ เช่น อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ เป็นต้น ขณะที่พัดลมไอเย็นรุ่นใหม่ที่มีระบบเย็นไล่ยุงนี้ก็มีออเดอร์จากเวียดนามแล้วหลายสิบล้านบาท

นายนพชัยกล่าวว่า ตลาดรวมพัดลมไอเย็นในไทยมีมูลค่าประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท แต่ก็แข่งขันรุนแรง ทั้งจากแบรนด์หลักมีไม่กี่แบรนด์ และสินค้าที่มาจากจีนจำนวนมากที่ขายในราคาถูกมาก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับเราเพราะเราแข่งที่คุณภาพ และที่สำคัญคือ เรามาถึงจุดเบรกอีเวนต์พอยต์แล้วในแง่การผลิต ซึ่งสินค้าที่เป็นโปรเจกต์เราผลิตเอง แต่สินค้าที่เจาะผู้บริโภคเราว่าจ้างโรงงานอื่นผลิตให้หลายแห่ง เช่น ที่จีน ตอนนี่เรามีแชร์เป็นผู้นำมากกว่า 40%

“ด้วยแผนตลาดที่เราทำนี้ ไม่ว่าจะลดปริมาณช่องทางโมเดิร์นเทรดลง แต่เน้นคุณภาพประสิทธิภาพมากกว่า และการออกสินค้าใหม่เป็นนวัตกรรมเย็นไล่ยุงที่ไม่เหมือนใคร การรุกหนักช่องทางออนไลน์ รวมทั้งเพิ่มตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะทำให้ธุรกิจของเราปีนี้เทิร์นอะราวนด์ได้อย่างแน่นอน” นายนพชัยกล่าว

นอกจากนั้น ในช่วงเดือนเมษายนนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 24 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 96 ล้านหุ้น หุ้นละ 25 สตางค์ ซึ่งหุ้นที่เพิ่มทุนนี้จะเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด ไม่เกิน 48 ล้านหุ้น อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อสร้างความแข็งแรงให้แก่บริษัท โดยส่วนหนึ่งของการเพิ่มทุนจะนำมาขยายธุรกิจด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น