ผู้จัดการรายวัน 360 - “สิงห์” ตัดใจเลิกทำตลาด “ไซเดอร์เบย์” กับ ”ซัลโว” ถอดใจถอนออกจากตลาดตามกลยุทธ์บริหารแบรนด์ไม่ใช่บริหารแบบพอร์ตโฟลิโอ เดินเกมรุกสนใจตลาดเบียร์ซูเปอร์พรีเมียม ปีนี้ลั่นเพิ่มแชร์เบียร์สิงห์เป็น 65% ส่วนน้ำดื่มเพิ่มแชร์เป็น 23%
นายภูริต ภิรมย์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด บริษัทจัดจำหน่ายในเครือสิงห์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตัดสินใจยุติการทำตลาดสินค้าในเครือ 2 แบรนด์ไม่นานมานี้ คือ เครื่องดื่มผลไม้หมักผสมแอลกอฮอล์อาร์ทีดี “ไซเดอร์เบย์” กับเครื่องดื่มเกลือแร่ “ซันโว” เนื่องจากตลาดรวมทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ค่อยใหญ่มากและการแข่งขันสูง อีกทั้งสินค้าตลาดไม่ค่อยตอบรับเท่าใด และเมืองไทยก็ไม่สามารถทำตลาดสินค้าหรือโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ไม่เหมือนในต่างประเทศ ขณะที่แบรนด์ซันโวก็เป็นสินค้าที่ดี แต่เนื่องจากผู้บริโภคติดกับแบรนด์หลักที่เป็นผู้นำ จึงทำให้แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดมีความแข็งแกร่งกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ไซเดอร์เบย์ ทางค่ายสิงห์ทำตลาดมาประมาณ 3 ปี ซึ่งตลาดรวมกลุ่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮออล์พร้อมดื่ม หรืออาร์ทีดี มีมูลค่า 4,500 ล้านบาทเมื่อ3 ปีที่แล้ว ขณะที่เครื่องดื่มเกลือแร่ ซันโวทำตลาดมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยที่ตลาดรวมเครื่องดื่มเกลือแร่มีประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ผู้นำตลาดคือ สปอนเซอร์
“กลยุทธ์หลักของบริษัทฯ คือ การบริหารสินค้าเป็นแต่ละแบรนด์ ไม่ใช่บริหารแบบพอร์ตโฟลิโอ ดังนั้นหากสินค้าแบรนด์ใดที่ไม่มีความเข้มแข็งพอ หรือมีกำไรไม่มากพอ และไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้ก็ต้องยุติการทำตลาดไป แต่ถ้าเราบริหารเป็นพอร์ตมันก็จะอยู่กี่ปีก็อยู่ได้ แต่เราไม่ทำแบบนั้น เหมือนอดีตที่ผมเคยทำตลาดชาเขียวแบรนด์ “โมชิ” มาแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาเราก็ต้องเลิกทำ ถ้าไม่แข็งแรงได้ด้วยตัวเองก็ต้องตัดไป” นายภูริต กล่าว
อย่างไรก็ตาม สินค้าหลักที่ทำตลาดและจัดจำหน่ายยังคงมุ่งเน้นไปที่ เบียร์ น้ำดื่ม โซดา แต่ยังมีสินค้าที่จัดจำหน่ายอีกมาก เช่น ข้าวพันธุ์ดี สาหร่ายมาชิตะ น้ำแร่ฟิจิ และอื่นๆ เป็นต้น ทั้งในเครือสิงห์และที่นอกเครือสิงห์ สัดส่วนแอลกอฮอล์ 80% และนอนแอลกอฮอล์ 20% แบรนด์อื่นก็มียอดขายที่ดีเติบโตต่อเนื่อง เช่น ยูเบียร์ จำหน่ายได้ 22 ล้านลิตรต่อปี
ขณะที่เบียร์นั้น สิงห์มียอดขายรวมเมื่อสิ้นปีที่แล้ว (2560) ประมาณ 1,320 ล้านลิตร มีแชร์ประมาณ 62% ตั้งเป้าหมายปีนี้ (2561) จะมียอดขายเบียร์เติบโตเป็น 1,400 ล้านลิตร และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 65% จากตลาดรวม 2 แสนล้านบาทเติบโต 3.8% ซึ่งตลาดเบียร์กลุ่มซูเปอร์พรีเมียมก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ ฐานตลาดยังเล็กอยู่ประมาณ 100 กว่าล้านบาท แต่โอกาสเติบโตมีอีกมาก ส่วนใหญ่เป็นเบียร์นำเข้าและมีราคาค่อนข้างสูง หรือเบียร์ทางเลือก ล่าสุดค่ายสิงห์ก็ทำตลาดแบรนด์ โครเนนเบิร์ก
ส่วนตลาดน้ำดื่มที่มีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาทนั้น นายภูริตกล่าวว่า ตลาดรวมมีการเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งน้ำดื่มสิงห์ก็มียอดขายที่ดีกว่า 8,000 ล้านบาท ปีนี้ได้มีการปรับกลยุทธ์ตลาด นำเอาวัยรุ่นคนรุ่นใหม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ คือ “เจ้านาย-จิณเจษฎ์ วรรธนะสิน” เพื่อขยายฐานคนรุ่นใหม่ และมุ่งเน้นการเพิ่มแชร์กับการทำกำไรต้องไปด้วยกัน โดยตั้งเป้าหมายปีนี้สิงห์จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดน้ำดื่มเป็น 23% จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่งประมาณ 20% และเป็นอันดับที่สองในตลาด ซึ่งอดีตน้ำสิงห์เคยมีแชร์มากกว่า 27% มาแล้วเพราะการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง