xs
xsm
sm
md
lg

“นกสกู๊ต” เพิ่มฝูงบิน-เส้นทาง” จ่อโค้ดแชร์ไฟลต์-ผนึกเครือข่าย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ต
ผู้จัดการรายวัน  360 - “นกสกู๊ต” เผยผลการดำเนินงานปี 2560 เติบโต 44% ส่วนผู้โดยสารเพิ่ม 37% เผยปีนี้ เตรียมเพิ่มฝูงบินอีก 1 ลำ และเพิ่มเส้นทางบินไปโอซาก้า และอินชอน ซุ่มศึกษาทำเที่ยวบินร่วม (Codeshare Flight) เพิ่มช่องทางจำหน่าย ร่วมกับสายการบินในกลุ่ม Value Alliance และเครือข่ายพันธมิตรในปีนี้

นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ต กล่าวว่า ในปี 2560 นกสกู๊ตมีรายได้เพิ่มขึ้น 44% จากปี 2559 เป็นประมาณ 5.6 พันล้านบาท โดยมีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งปี 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 37% มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 87% จาก 79% ในปี 2559

“ภายหลังจากการปลดธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในเดือนตุลาคม 2560 ปีที่ผ่านมา ทำให้นกสกู๊ตสามารถเดินหน้าตามแผนการขยายเส้นทางตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ได้ โดยได้เปิดเส้นทางใหม่กรุงเทพฯ-ซีอาน ในเดือนธันวาคม 2560 เป็นลำดับแรก และได้เพิ่มความถี่ในเส้นทางบินสู่เมืองเทียนจิน ชิงเต่า และเสิ่นหยาง ประเทศจีน นอกจากนี้ได้เพิ่มเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 ลำที่ 4 เข้ามาในฝูงบินอีกด้วย”

โดยในปีที่ผ่านมา สายการบินนกสกู๊ตเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ประกอบกับการทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างเข้มข้น รวมทั้งการใช้งานเครื่องบินอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการลดต้นทุนต่อหน่วย ทำให้รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือเป็นปีที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด นับตั้งแต่สายการบินเปิดให้บริการมาในปี 2557

ทั้งนี้ นกสกู๊ตสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องบิน เฉลี่ยจากเดิม 9.4 ชั่วโมงต่อเครื่องต่อวัน ในปี 2559 เป็น 11.5 ชั่วโมงต่อเครื่องต่อวัน ในปี 2560
ยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกสกู๊ต
สำหรับแผนการขยายธุรกิจ นายยอดชายกล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าสายการบินของเรามีสิ่งแวดล้อมในการปฏิบัติการที่เอื้ออำนวยต่อการเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง และปรับปรุงผลประกอบการด้านการเงินให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

สำหรับปี 2561 นกสกู๊ตมีแผนที่จะขยายฝูงบินด้วยการเพิ่มเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 อีกอย่างน้อย 1 ลำ เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางบินใหม่แบบประจำไปยังประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ หลังจากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม นกสกู๊ตคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการไปสู่สนามบินนาริตะ ญี่ปุ่น ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 61 นี้ และมีแผนจะเปิดให้บริการเส้นทางโอซาก้า และอินชอน ในลำดับต่อไปด้วย

“หากการขยายเส้นทางไปสู่ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดว่ารายได้รวมของนกสกู๊ตจะเติบโตขึ้น 80% หรือมีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และจะมีจำนวนผู้โดยสารมากถึง 2 ล้านคน ในปีนี้
นายยอดชายกล่าวด้วยว่า การดำเนินงานตามแผนนี้จะช่วยเพิ่มการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ นกสกู๊ตจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับนกแอร์ ที่ถือหุ้นนกสกู๊ตอยู่ 49% และยังเป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตร Value Alliance ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสายการบินราคาประหยัด 7 สายการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ความร่วมมือระหว่างนกสกู๊ต และนกแอร์ จะเริ่มขึ้นภายในเดือนมีนาคมนี้ ด้วยบริการส่งกระเป๋าจากต้นทางไปถึงจุดหมายปลายทางสุดท้าย (baggage check-through service) อีกทั้งยังเปิดให้ผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่งในทุกเส้นทาง ที่ให้บริการโดยนกสกู๊ต และนกแอร์ ผ่านเว็บไซต์ของทั้งสองสายการบิน

ในขณะเดียวกัน นกสกู๊ตกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการทำเที่ยวบินร่วม (Codeshare Flight) รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ร่วมกับสายการบินในกลุ่ม Value Alliance และเครือข่ายพันธมิตรในปีนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น