“ไพรินทร์” รื้อแผนบริหารสนามบินภูมิภาคใหม่ จ่อให้ ทอท.บริหารเพิ่มมากว่า แค่ “ตาก-อุดรธานี” เพียง 2 แห่ง ระบุเน้นการบริหารเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ แบบเหล้าพ่วงเบียร์ มองกลุ่มอีสาน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคใต้ ตอนกลาง ตอนบน และหนุนนโยบายท่องเที่ยวเมืองรอง ทอท.งัดผลศึกษาเดิม ขอบริหารสนามบินภูมิภาคของ ทย.15 แห่ง
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและให้นโยบาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ว่าขณะนี้รัฐบาลมีนโยบายในเรื่องการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาสู่ส่วนกลางและแหล่งท่องเที่ยวหลัก ดังนั้นมีนโยบายให้ ทอท.ช่วยบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เพื่อแบ่งเบาภาระผู้โดยสารสนามบินหลัก โดยจะเร่งหารือกับ ทอท.และ ทย.ให้ได้ข้อยุติใน 3-6 เดือน โดยหลักจะเป็นการพิจารณา ให้สนามบินหลัก และพ่วงสนามบินย่อยไปด้วย แบบคลัสเตอร์ หรือให้แบบเหล้าพ่วงเบียร์ เพื่อโอนนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองให้มากขึ้น และทำเส้นทางการบินให้เกิดความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทางด้วย
“สนามบินของ ทย.ส่วนใหญ่เป็นขนาดเล็ก ดังนั้นยังมีเรื่องที่ต้องลงทุนพัฒนาอีกมาก ขณะที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะระบุจุดหรือแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองที่มีความแนวโน้มการเติบโต และต้องการโปรโมท ขณะที่ ทอท.ยังไม่มีสนามบินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังสามารถเชื่อมการท่องเที่ยวไปยัง ประเทศ สปป.ลาว, กัมพูชาอีกด้วย ส่วนภาคเหนือตอนใต้ โซนจังหวัดสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร เป็นคลัสเตอร์ที่ดี ภาคใต้ตอนกลาง ตอนบน ที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดี”
ในปี 2560 ตัวเลขนักท่องเที่ยวมีมากถึง 35 ล้านคน อีกทั้งยังมีความนิยมเดินทางด้วยสายการบินต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะคนไทยมีการใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำถึง 60 ล้านคน ทำให้จำนวนผู้เดินทางโดยทางอากาศรวมถึง 100 ล้านคน ซึ่งสนามบินของ ทอท.มีส่วนแบ่งการตลาด ประมาณ 75% สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมืองจึงมีความแออัดมาก รวมถึง สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่
โดย ทอท.มีแผนการขยายขีดความสามารถ เช่น สุวรรณภูมิเฟส 2 และก่อสร้างรันเวย์ที่3 แต่การพัฒนาขยายไม่ทันกับการเติบโตของผู้โดยสาร และเชื่อว่าตั้งแต่ปีนี้ไป ผู้โดยสารทางอากาศจะเติบโตสูงมากๆ จนถึงปี 2565 ที่ระบบราง รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูงความร่วมมือไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา จะก่อสร้างเสร็จซึ่งจะช่วยแบ่งเบาผู้โดยสารภายในประเทศลงได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ หารือแผนการเพิ่มศักยภาพโครงข่ายการบริหารท่าอากาศยานของประเทศไทย ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) นำผลการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลภาพรวมในการบริหารสนามบินทั้ง 39 แห่งทั่วประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รูปแบบการลงทุน เบื้องต้นเห็นตรงกันกรณี ทอท.จะบริหารสนามบินของ ทย.ควรเป็นอุดรธานีและตาก เพื่อเติมเต็มเครือข่ายด้านตะวันตกและอีสาน เพื่อกระจายความแออัดออกจากสุวรรณภูมิและดอนเมือง
ทั้งนี้ แม้ ทอท.จะพร้อมรับบริหารสนามบินของ ทย. แต่ สนข.จะต้องประเมินข้อดีข้อเสียและภาระการลงทุน เพื่อหารูปแบบการบริหารที่เหมาะสม ในแต่ละสนามบิน เนื่องจากวัตถุประสงค์ของสนามบินทย.ยังมีภารกิจด้านความมั่นคง ด้านสังคม อยู่ด้วยขณะที่ ทอท.จะเน้นไปที่กำไรมากกว่า ดังนั้นรูปแบบการบริหารนอกจากการโอน หรือให้สิทธิ์แล้วยังมีการทำงานร่วมกัน ทำการตลาดร่วมกันก็ได้ ซึ่งรัฐอาจจะยังคงต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและให้ทอท.รับบริหารโดยทำสัญญาตกลงกัน เป็นต้น
ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ทอท.เคยเสนอแผนบริหารสนามบินภูมิภาคจำนวน 15 แห่ง ในรูปแบบคลัสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีสนามบินที่ภาคเหนือ และใต้ ยังขาดสนามบินในภาคอีสาน ซึ่งในการศึกษาของ ทอท. จะพบว่ากรณีที่ผู้โดยสารต่างประเทศลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ และต่อสายการบินต้นทันต่ำ ไปยังภาคอีสาน สนามบินในภูมิภาคจะมองว่าเป็นผู้โดยสารภายในประเทศ ขณะที่ ทอท.มองว่าเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ เป็นการเข้ามาต่อเที่ยวบิน ดังนั้น ผู้โดยสารต่อไปยังภาคอีสานไม่ได้เป็นภายในประเทศมาก